
‘สุรินทร์’ มือบริหารยุคบุกเบิก ‘ORI’ สู่ CEO ใหม่ ‘BRI’

จะว่าไปแล้ว ในแวดวงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าชื่อของบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI น่าจะกำลังเป็นที่สนใจ ของเหล่านักธุรกิจในแวดวงอสังหาฯ อยู่ไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ ที่บริษัทแห่งนี้ใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีความแข็งแกร่งมากขึ้น จนสามารถแยกธุรกิจ (Spin-off) ออกจากบริษัทแม่ อย่าง บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อปลายปี 2564
หลังเข้าในตลาดหลักทรัพย์ฯ ราว 1 ปี แล้ว จากนั้นเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ทางบริษัท บริทาเนีย ก็ได้แจ้งข่าวไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องการส่งไม้ต่อให้ “สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์” ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ ซึ่งเริ่มมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 และนั่น ก็เป็นอีกประเด็น ที่ทำให้หลายฝ่าย เริ่มหันมาจับตามองว่า ผู้บริหารคนใหม่นี้ จะเข้ามาสร้างการเติบโต และวางทิศทางการดำเนินธุรกิจ ให้กับบริษัทอย่างไร
ทำความรู้จักกับ ซีอีโอ ใหม่
สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เล่าว่า เขาสำเร็จการศึกษามาทางด้าน “บริหารงานก่อสร้าง” จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และใช้ชีวิตอีกกว่า 30 ปี วนเวียนอยู่กับงานในแวดวงด้านงานวิศวกรรม งานโยธา งานที่ปรึกษา ไปจนถึงงานระดับบริหาร “ผมเริ่มจากการเข้าไปทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการก่อสร้าง อย่างซิโน–ไทย ประมาณ 6–7 ปี จากนั้นก็ไปทำงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการ ทั้งที่เป็นอาคารสูง, โรงแรม, และโครงการแนวราบ ก่อนจะก้าวขึ้นเป็น Co–CEO ของกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบในเครือ Double A ดูแลทั้งงานพัฒนาโครงการแนวราบและงานก่อสร้างในเครือ”
ซีอีโอ แห่ง BRI เล่าอีกว่า ในช่วงที่ย้ายมาอยู่กับทาง “ออริจิ้น” ถือเป็นช่วงบุกเบิกก่อนที่ออริจิ้นจะก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมาณ 1 ปี “ ตอนนั้น เรียกว่า เป็นยุคที่มีผู้บริหารหลักร่วมลุยกันไม่กี่ท่าน อาทิ คุณพีระพงศ์ จรูญเอก (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร), คุณสมสกุล แสงสุวรรณ (ปัจจุบัน เป็นประธานเจ้าหน้าที่สายงานออกแบบผลิตภัณฑ์) และตัวผม ซึ่งเริ่มต้นจากตำแหน่ง VP คอยช่วยคุมงานบริหารการก่อสร้าง ก่อนจะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หรือ COO และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารงานก่อสร้างของเครือออริจิ้น” รวมเวลาในการเข้ามาทำงานกับทางเครือออริจิ้น แล้ว เรียกว่า นานถึงเกือบ 10 ปี กันเลยทีเดียว
“ออริจิ้นเป็นองค์กรที่เติบโตเร็วมาก ยุคแรกที่ผมเข้ามา มียอดโอนไตรมาสนึงสัก 300 ล้าน ก็เรียกว่า เฮแล้ว ช่วงที่ได้รับโจทย์ให้นั่งควบทั้งตำแหน่ง COO และตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารงานก่อสร้าง ที่ต้องดูแลทั้งงานก่อสร้างโครงการและการสร้างทีมขององค์กร ช่วยบริหารองค์กรให้เติบโตทันกับแผนงานการขยายธุรกิจ” คุณสุรินทร์ กล่าว
การเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ที่ผ่านมา บริทาเนีย ถือเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของออริจิ้น ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด ด้วยกลยุทธ์การเติบโตแบบทวีคูณ หรือ Multiple Growth นั่นเป็นเหตุให้สุรินทร์ ได้รับโจทย์ให้ย้ายมานั่งควบในฐานะบอร์ดและประธานอำนวยการของบริทาเนีย ในยุคก่อนบริทาเนียจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 1 ปี และขึ้นดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ เพื่อช่วยสร้างทีม สร้างองค์กรให้แก่บริษัทที่นับเป็น Cash Cow สำคัญของเครือออริจิ้น
โจทย์หลักสำคัญ
คุณสุรินทร์ ย้ำด้วยว่า วันนี้มีโจทย์หลักที่เขามองมีอยู่ด้วยกันถึง 3 เรื่อง ในการบริหารบริทาเนีย ประกอบด้วย การสร้างแบรนด์ให้มีจุดต่าง “ซี่งในปี 2565–2566 เป็นปีที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่แบบ…เกรี้ยวกราด.. ขณะที่เศรษฐกิจก็ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาหลายเรื่อง ดังนั้นการพัฒนาแบรนด์ให้แข็งแกร่ง มีจุดแข็งและจุดขายที่ชัดเจนนอกจากเรื่องทำเลและราคา จะเป็นส่วนสำคัญให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ส่วนเรื่องต่อมา เป็นเรื่องของ การสร้างทีมให้พร้อมรับการเติบโต ถือเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะการเติบโตของ “บริทาเนีย” จะยังคงไม่หยุดนิ่ง และเรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องของการยกระดับกลุ่มงานบริการ ที่ต้องคำนึงถึงการให้คุณค่า ควบคู่ไปกับการดูแลผู้บริโภคและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรให้ดียิ่งขึ้นในทุกขั้นตอน
ก้าวสำคัญที่มั่นคง
ในส่วนของการเติบโตของบริทาเนียภายใต้การนำทัพของ สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ เจ้าตัวยอมรับว่า กำลังค่อยๆ เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ และการประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ร่วมหมื่นล้านแห่งนี้ในช่วงปลายเดือน ก.พ. น่าจะเป็นอีกก้าวสำคัญที่ทำให้หลายคนในวงการธุรกิจพัฒนาอสังหาณ ต้องจับตากันอีกครั้งแน่นอน
อย่างไรก็ดี สำหรับ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ถือเป็นผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้แนวคิด CRAFT a life you love ซึ่งมีทั้งการพัฒนาบ้านเดี่ยว บ้านซีรีส์ใหม่ ทาวน์โฮม ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนท์ ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวลักชัวรี ระดับราคา 20–50 ล้านบาท รวมถึง แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับ High–End ราคา 8–20 ล้านบาท และ บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับ Mid–end ราคา 4–8 ล้านบาท ตลอดจน ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับเริ่มต้น (Entry) ราคา 2.5–4 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2565 พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 30 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสม 36,449 ล้านบาท