“สุทิน คลังแสง” รมว.กระทรวงกลาโหม ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ยืนยันงบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้นหากพิจารณาอย่างละเอียดแล้วอยู่ในระดับที่ไม่ได้สูงกว่ากระทรวงอื่นๆ และหากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าการจัดงบประมาณปีนี้แม้ยอดรวมจะสูงขึ้นแต่ก็เป็นการเพิ่มในสัดส่วนที่ลดลง แม้งบประมาณแผ่นดินจะเพิ่มขึ้นโดยรวมประมาณ 9% แต่กระทรวงกลาโหมจัดงบประมาณเพิ่มเพียง 1.2% เท่านั้น หากคำนวณกับอัตราเงินเฟ้อ เรียกได้ว่าไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อเทียบกับงบประมาณของประเทศต่างๆ และประเทศเพื่อนบ้านจะเห็นได้ว่าเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่งบประมาณด้านความมั่นคงสูงแต่อย่างใด

.

1. การลดกำลังพลนั้นกองทัพมีแผนอยู่แล้ว แต่รัฐบาลก็มีแนวทางเพิ่มเติม โดยได้มีการทำโครงการเออร์ลีรีไทร์ที่จะมีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก โครงการที่จะผลิตข้าราชการพันธุ์ใหม่ที่เปิดช่องทางให้บางตำแหน่งหน้าที่ไม่ต้องมียศหรือตำแหน่งในการทำงานของกระทรวงกลาโหมได้ด้วย โดยจะเป็นข้าราชการพลเรือนอีกกลุ่มที่จะช่วยลดภาระด้านงบประมาณ

.

2. “ที่ถามว่างบประมาณกระทรวงกลาโหมด้านกำลังพลทำไมยังสูงอยู่ ก็ต้องตอบว่าผมเพิ่งเข้ามาทำงานเพียง 3 เดือน หากจะลดลงเลยก็ต้องปลดหลายตำแหน่งต่างๆ เพียงแต่ไม่สามารถทำได้ในข้อเท็จจริง เพราะยังมีภารกิจที่สำคัญต่างๆ อยู่อีกมาก เพราะฉะนั้นงบประมาณจะเริ่มเห็นลดลงในปีต่อๆ ไป ซึ่งจะสัมพันธ์กับกำลังพลที่ลดลง”

.

3. สำหรับแผนปรับลดกำลังพลสำคัญ มี 3 โมเดล คือ ยุบหน่วยที่ไม่จำเป็น , ควบรวมหน่วยงานที่ภารกิจใกล้เคียงกัน , ปิดบางอัตราที่เกษียณแล้วจะไม่มีการบรรจุเพิ่ม

.

4. สำหรับทหารเกณฑ์นั้น ได้มีการปรับลดการเกณฑ์ทหารลงจากเดิมที่สูงมากกว่า 1 แสนนาย เหลือ 8.5 หมื่นนายในปีนี้ แล้วจูงใจให้คนมาสมัครเข้าเป็นทหารมากขึ้นด้วยมาตรการต่างๆ เช่นเงินเดือนทหารเกณฑ์จะไม่มีการหักใดๆ มาตรการด้านการศึกษาต่อทำให้ผู้ถูกเกณฑ์ทหารสามารถศึกษาต่อในระบบต่อได้ รวมทั้งการเปิดโอกาสให้มีความก้าวหน้าด้วยการศึกษาต่อในโรงเรียนด้านการทหารต่างๆ

.

5. คำถามเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้นข้อเท็จจริงคือรัฐบาลชุดก่อนเป็นผู้ดำเนินการไว้ ส่วนตนนั้นเข้ามาแก้ไข ซึ่งก็ได้พิจารณาแล้วว่าไม่ว่าจะไปในทางไหนก็จะโดนทั้งหมด เพราะโครงการนี้ทำมาหลายปีแล้วอีกทั้งมีการจ่ายเงินไปแล้วหลายงวด จึงต้องพิจารณาโดยยึดประโยชน์ของกองทัพเรือ ยึดประโยชน์ของประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งต้องทำด้วยความรอบคอบและจำเป็นต้องหาทางออกที่ดีที่สุด โดยได้ดำเนินการสอบถามไปยังอัยการสูงสุดว่าจะสามารถยกเลิกได้หรือไม่ และจะต้องดำเนินการแนวทางไหนที่จะไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งอีกไม่กี่วันนี้น่าจะมีคำตอบออกมา แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ทำให้ประเทศเสียประโยชน์

.

6. สำหรับการกู้เรือหลวงสุโขทัย ซึ่งทีโออาร์กำหนดให้กู้ขึ้นมาทั้งลำ แต่หากจะกู้ทั้งลำก็ต้องเอาโคลนตมออกเสียก่อน ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน จะต้องเป็นการกู้เรือตามงบประมาณที่ได้รับและความจำเป็นที่จะต้องกู้ขึ้นมาให้ได้แบบทั้งลำ

.

7. กรณีที่มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับกองทัพเรือกับภารกิจ EEC นั้น ในเรื่องนี้ข้อเท็จจริงคือรัฐบาลร้องขอให้กองทัพเรือเข้ามาดำเนินการรับผิดชอบเรื่องยกระดับสนามบินอู่ตะเภาของกองทัพเรือเป็นสนามบินพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน EEC

.

8. ส่วนการตั้งข้อสังเกตเรื่องงบประมาณซื้ออาวุธ โดยมีการกล่าวหาว่ามีการอำพราง หรือกล่าวหาสุทินดาวน์น้อยผ่อนนาน ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นเพียงเรื่องของการบริหารจัดการงบประมาณของสำนักงบประมาณที่ปรับลดงบประมาณลง เนื่องจากงบประมาณปี 2567 เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือน

.

9. สำหรับนโยบายการเปิดพื้นที่ทหารให้ประชาชนใช้ประโยชน์นั้นระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาได้ดำเนินการแล้วที่โครงการหนองวัวซอเกือบ เป็นจำนวนที่ดินประมาณ 1 หมื่นไร่และมีการแจ้งมาแล้วว่าพื้นที่ป้อมพระจุลฯ จังหวัดสมุทรปราการ ของกองทัพเรือ ประมาณ 3 พันไร่ พื้นที่กองทัพอากาศที่จังหวัดนครพนม 500 ไร่และที่จังหวัดหนองบัวลำภูอีก 2,000 ไร่ ซึ่งเหล่านี้เป็นเฟสแรก และจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นในเฟสต่อๆ ไป

.

10. ส่วนกรณีที่มีการสอบถามถึงงบประมาณของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยเพื่อการพัฒนาและผลิตอาวุธใช้ในกองทัพ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณของประเทศ อีกทั้งยังมีแนวทางที่จะพัฒนาในการขายให้กับต่างประเทศ ในปัจจุบันได้มีการผลิตยุทโธปกรณ์ใช้เองภายในกองทัพแล้วหลายรายการ อีกทั้งยังได้มอบนโยบายเป็นเป้าหมายในการทำเงินเข้าประเทศให้เพิ่มมากขึ้นด้วย