
สัจจะชายต้องแน่นอน..ขืนเป็นน้ำกลิ้งบนใบบอน จะเหลืออะไร??

“๗ ปี มีแต่ความปลิ้นปล้อน สับปลับ”
นโยบาย ข้อ ๑๒ เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ..ยื่นบัญญัติผ่านสภา เข้าสู่วาระ ๒ ครั้นถึงวาระ ๓ คว่ำรัฐธรรมนูญ ต่ออำนาจ ๒๐ ปี ตามเดิม-สิครับ
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ แถลงแข็งขัน เพื่อแก้รัฐธรรมนูญเจ้าปัญหา ที่พาชาติถอยหลัง ฝังลงดินจมมิดด้าม
“ผู้นำ” พูดแล้วคืนคำ ว่าจะแก้ไข แล้วไม่แก้ไข..ถึงตักตวงผลกำไร กับการอยู่ในอำนาจได้อีก..แต่ในเวทีโลก เราตกเกรด ลดระดับความน่าเชื่อถือ ลงมาแบกะดิน หมดความเชื่อถือที่ “ต่างชาติ” เขาคบค้าสมาคมด้วย
“ผู้ชาย”คำพูดต้องแน่นอน..ไม่ใช่ “น้ำกลิ้งบนใบบอน” มันไม่สวย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ขอโทษ ก็เปล่าประโยชน์ เพราะไม่เคยแก้ไข”
ปากแฉะ เพราะ “ขอโทษแยะ” จนจำกันไม่ได้
“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ-รมว.สาธารณะสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้นตระกูลผู้รับเหมา เข้าสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมือง แล้วกล่าวคำ “ขอโทษ” จนกลายเป็นเรื่อง ไร้ความหมาย
เป็นนโยบาย ชี้ต้นตายปลายต้นเป็น ของ “พรรคภูมิใจไทย” ก็ว่าได้..ที่จะแก้ไข “รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ”..ถ้าเป็นนักการเมืองญี่ปุ่น หรือ เกาหลีใต้ เขาต้องลาออก เมื่อทำตามนโยบาย ไปไม่ถึงฝั่ง
เลิกเหอะการขอโทษแบบกระเดียด..รู้ไหมคนเขาเกลียด-กันจัง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ถูกหักหลัง กลางสภาฯ จนกลายเป็นพรรคที่ไร้น้ำยาจริงๆ”
ที่ “พรรคประชาธิปัตย์” เข้าเสียบปลั๊ก ร่วมกับ “รัฐบาลประยุทธ์” ตั้งเงื่อนไขสุดโต่ง ว่าจะต้อง “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” เป็นคำสัญญาเหนือ-ทุกสิ่ง
เมื่อ “ระบอบประยุทธ์” ฉุดให้ “พรรคประชาธิปัตย์” ร่วงหล่นกองอยู่กับพื้น.. “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ ไม่รักษาคำพูด ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง
“จุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์” รองนายกฯ-รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะไปเกลือกกลั้ว อยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลลิ้นห้าแฉก พูดสาแหรกไม่อยู่กับร่องกับรอยกันได้อย่างไร “ลาออกจากรัฐบาล” ให้รู้ถึงความมีศักดิ์ศรี
อยู่เป็นฝุ่นใต้ทอปบูท..ไม่มีวันสร้างจุด รุดหน้าได้-หรอกพี่
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ส่งเขาถึงฝั่ง ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ สมใจนึกบางลำพู”
ต้องยอมรับว่า “พิภพ ธงไชย” แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย รู้ซึ้งอ่านเกม “นายกฯประยุทธ์” ออกหมด-แม่นกว่าหมอดู
“ระบอบประยุทธ์” ไม่ชอบสันติวิธี ความสงบ เช่นการเจรจาสงบศึก เพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายเกิดการสูญเสีย โดยเฉพาะต้องเซฟชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งแรก นักสันติวิธีต้องดำเนินการทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไขการแตกหัก เพื่อเกิดความรุนแรง
“การคว่ำรัฐธรรมนูญ ในวาระ ที่ ๓ คุณพิภพมองทะลุไปถึงม้านถึงตับถึงไส้ถึงพุง ว่านี่เป็นสิ่งที่โกหกประชาชน เพราะเป็นนโยบายรัฐบาล และ “ระบอบประยุทธ์” รับปากว่าจะแก้ไข เมื่อไม่ทำตาม วิกฤตย่อมล่อแหลม
“คุณพิภพ”ชี้ดำชี้แดง..ว่านี่เร่งให้เกิดปฏิกิริยารุนแรง เข้ามาแจม
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ชีวิตเหมือนกับแขวนบนเส้นด้าย ตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
หากชีพต้องหมดลมหายใจ คาคุกคาตะราง “ทนายอานนท์ นำภา” เอาศพลงโลงโดยไม่ต้องห่อผ้าดิบ แล้วไปตั้งที่หน้าศาล..ประหนึ่งเป็นแรงใน-การต่อสู้
ชีพของฝ่ายประชาธิปไตย ที่หมดลมหายใจอย่างเฉียบพลัน มีมาพันศพและหมื่นศพ..แต่ครั้งนี้ หลายคนเชื่อว่า “จะต้องจบในรุ่นเรา”
หากว่า “นักสู้ใจเพชร” อานนท์ นำภา ต้องมาสละชีพ..ซึ่งเขาก็มอบร่างคืนให้กับแผ่นดินแม่ เพื่อให้ประชาธิปไตยเกิดร้อยเปอร์เซ็นต์ บนแผ่นดินที่เขาสู้ แม้จะอยู่ในเรือนจำ
เขาไม่เกรง สู้เพื่ออิสรภาพ..ไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ มีพลังประชาชน-คอยค้ำเพื่ออุปถัมภ์
“กะพรุนไฟ”
๑๙ มีนาคม ๒๕๖๔