
สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยปี64 แนวราบลุยต่อราคาบ้านไม่ลดเหตุที่ดินแพง

จากภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP มีการปรับลดลง 6.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 22 ปี จากภาพรวมดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หากจะพิจารณาถึงปัจจัยบวกจะพบว่าปีที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งในปีนี้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยก็ยังคงอยู่ระดับนี้ทั้งปีเพราะสภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีนัก ทั้งผลของการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมอีก 1 ปี จะทำให้เห็นโปรโมชั่นมากขึ้นจากผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
มีการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเหลือ 10% ต่อไปอีก 1 ปีและเลื่อนการประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ไปใช้ในปี 2565 ด้านราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2- 4 ที่มีการปรับตัวเรื่องราคาอย่างชัดเจน และปัจจัยบวกที่สำคัญอีกประการที่ช่วงสร้างความหวังมากขึ้นคือการทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในหลายๆประเทศ ทำให้มีความหวังที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดได้
ส่วนปัจจัยลบที่ต้องนำมาพิจารณาคือการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่อาจดูเหมือนล่าช้าและความมั่นใจในวัคซีน รวมไปถึงการล๊อกดาวน์ในกลุ่มธุรกิจบางประเภทที่ทำให้รายได้ของประชาชนยังไม่ดี นอกจากนี้แล้วเศรษฐกิจดีขึ้นแต่การฟื้นตัวของธุรกิจกลับมาช้า กระทบต่อการจ้างแรงงานกลับเข้ามาในระบบและกระทบกำลังซื้อที่อยู่อาศัยโดยรวม หนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ความเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคารมีมากขึ้นทำให้ลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้นด้วย ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ได้ ถ้างานก่อสร้างหรือโครงการต่างๆไม่มีแรงงาน อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ ก็ทำให้กระทบต่อกำลังซื้อห้องชุดต่างชาติ
ต่อเรื่องนี้ “ ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ “ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยว่า จากการจัดเก็บข้อมูลตลอดปี 2563 ที่ผ่านมาของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC พบความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจดังนี้คือ ปี 2563 หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศลดลงจากปี 2562 ถึง -8.5% โดยมีจำนวน 358,496 หน่วย เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ยู่อาศัยแนวราบจำนวน 236,158 หน่วย ลดลง -10.0 % จากปี 2562 และเป็นการโอนกรรมสิทธิ์โครงการอาคารชุด 122,338 หน่วย ลดลง -5.5 % จากปี 2562 ขณะที่มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2563 มีมูลค่า 928,376 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 เพียง -0.3 % โดยเป็นการลดลงของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุด-4.7 %
ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 2.2 % ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 บวกกับช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2563 หน่วยโอนมีการหดตัวลง แต่มูลค่ากลับขยายตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าผลจากการทำโปรโมชั่นและมีการโอนบ้านในกลุ่มราคาแพง และเดือนธันวาคม 2563 มียอดโอนมากสะท้อนว่าบ้านราคาไม่เกิน 3ล้านบาทมีการโอนมากในช่วงนี้
ด้านการเปิดตัวโครงการใหม่จากการสำรวจพบว่า จำนวนหน่วย Supply ที่เปิดขายใหม่ ไม่นับรวมบ้านมือสอง เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล หดตัวลงจากปี 2562 ถึง -36.7% โดยมีการเปิดตัวใหม่ จำนวน 62,227 หน่วย ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่ 35,702 หน่วย ลดลงจากปี 2562 ถึง -17.9 % และโครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่ 26,525 หน่วย ลดลงจากปี 2562 จำนวน -51.6%
นอกจากนี้ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ยังพบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการปรับตัวของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยลดการเพิ่มขึ้นของอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาด ด้วยการลดจำนวนการเปิดขายโครงการใหม่ เพื่อให้ที่อยู่อาศัยรอการขายถูกดูดซับออกไปจากระบบ คาดการณ์ได้ว่าในปี 2564 ตลาดจะปรับตัวให้มีสินค้าใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้นทดแทนสินค้าที่ถูกดูดซับไป โดยคาดการณ์ว่าในปี 2564 จะมีการเปิดตัวใหม่ จำนวน 82,594 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ +32.7% และคาดว่าผู้ประกอบการยังจะลงทุนในบ้านจัดสรรมากกว่าอาคารชุด
สถานการณ์ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ ปี 2563 ถือว่าผู้ประกอบการเปิดตัวอยู่อาศัยใหม่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี โดยสัดส่วนการเปิดตัวใหม่เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมที่อาคารชุดจะมากกว่าบ้านจัดสรร แต่ในปี 2563 สัดส่วนเปิดตัวใหม่บ้านจัดสรรมากกว่าอาคารชุด เท่ากับ 57.4 : 42.6 และคาดว่าบ้านจัดสรรจะเปิดตัวใหม่ในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ +22.5% หรือมีจำนวนหน่วยประมาณ 43,732 หน่วย ส่วนโครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่ ปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ +46.5 % สัดส่วนอาจจะดูเพิ่มขึ้นมาก แต่เป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำมากจากปี 2563 หรือมีจำนวนหน่วยประมาณ 38,862 หน่วย
สำหรับสถานการณ์ด้านอุปสงค์ REIC ประเมินสถานการณ์โดยรวมว่าปี 2564 จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 353,236 หน่วยจะลดลงจากปี 2563 ที่ -1.5% ซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบจะลดลงเพียงเล็กน้อยหรือประมาณ -0.1 % ในขณะที่อาคารชุดจะลดลง-4.2%
ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าปี 2564 จะมีมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 876,121 ล้านบาทลงจากปี 2563ถึง -5.6 % โดยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบจะลดลง -7.7 % ขณะที่คาดว่ามูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดจะลดลง -1.4 %
ขณะที่สถานการณ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยในปี 2563 มูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศ มีมูลค่า 612,084 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ถึง -4.4 % และคาดว่าปี 2564 จะมีมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัย ประมาณ 595,141 ล้านบาท จะลดลงจากปี 2563 ที่ -2.8%
สำหรับปี 2564 นั้น Q1/64 เจอโควิด-19 รอบสอง น่าจะส่งผลให้ YoY ลดลง -10.6% แต่ Q2/64 แม้จยังชะลอตัวอยู่น่าจะมีการโอนมากกว่า Q2/63 ถึง 7.5% ส่วน Q3/64 จะทรงตัวต่อจาก Q2 แต่ยังคงมี YoY ลดลง -7.6%และ Q4 /64 ปรับตัวดีขึ้นชัดเจน โดยมี YoY ขยายตัวถึง 5.8% คาดว่าภาพรวมปี 2564 จะมีหน่วยโอนYoY ลดลงจากปี 2563 ที่ -1.5% มีประมาณ 353,236 หน่วย โดยแนวราบจะลดลงเพียง -0.1% อาคารชุดจะลดลงอีก -4.2% นับว่าตลาดยังซึมอยู่ นับว่าปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ต้องจับตา
เมื่อพิจารณาถึงมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ(มูลค่า) แล้ว ช่วงQ1 /64 เจอโควิดรอบสองน่าจะส่งผลให้YoY ลดลง -7.2% แต่ Q2 และ 3/2564 มูลค่าการโอนน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในQ2-Q3/64 ยังมี YoY ที่ยังติดลบ -1.8 % และ-14.6 % ใน Q4/64 ปรับตัวดีขึ้นมียอดโอนสูงกว่า 250,000 ล้านบาท YoY เพิ่ม 1.6% คาดว่าภาพรวมปีนี้ จะมีมูลค่าโอน YoY ลดลงจากปี 63 ที่ -5.6% มีประมาณ 876,121 ล้านบาท โดยแนวราบจะลดลง -7.7% แต่อาคารชุดจะลดลงอีก -1.4% ส่วนสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดคนต่างชาติในปี 2563 จะมีจำนวน 8,258 หน่วยลดลง YoY ลดลง -35.3% และมีสัดส่วนต่อภาพรวมทั้งหมด ลดลงเหลือเพียง 6.8% จากเดิมที่เคยมีสัดส่วนประมาณ 10% ด้านมูลค่าการโอนฯคนต่างชาติมีมูลค่า 37,716 ล้านบาท มีYoY ลดลงถึง -25.5% และมีสัดส่วนลดลงเหลือ 12.1% จากเดิมที่เคยมีสัดส่วนประมาณ 16%
ส่วนด้านดัชนีราคาบ้านจัดสรรปี 2563 อยู่ที่ 128.1 ถึงแม้ว่าราคาจะเริ่มลดใน Q2 /63 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ในภาพรวมทั้งปี 2563 ยังคงเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 1.3% แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง คาดว่าปี 2564 ราคาจะลดลงมาเล็กน้อยจากปี 2563 ที่ -0.7 % ส่วนดัชนีราคาห้องชุดปี 2563 อยู่ที่ 152.9 ถึงแม้ราคาจะเริ่มลดในQ1 /63 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ในภาพรวมทั้งปี 2563 ยังคงเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่ 1.3% แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง คาดว่าในปี 2564 ราคาจะลดลงเพียงเล็กน้อยจากปี 2563 ที่ -1.8 % คาดว่าราคาในปี 2564 จะลดลงเพียงเล็กน้อย เพราะมาจากราคาต้นทุนของราคาที่ดินที่มีราคาสูง ทั้งนี้ดัชนีราคาที่ดินในปี2563 ดัชนีราคาที่ดินอยู่ที่ 311.5 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่ 26.3% ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2564 คาดว่าดัชนีราคาที่ยังคงเพิ่มขึ้นแต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง 6.5 % จากปี 2563