Digiqole ad

‘ศุภลักษณ์  อัมพุช’ Calling The World ปรากฏการณ์โลกเรียกหา

 ‘ศุภลักษณ์  อัมพุช’ Calling The World ปรากฏการณ์โลกเรียกหา
Social sharing

Digiqole ad

ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อเดอะมอลล์ กรุ๊ป เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการค้าปลีกชั้นนำของไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจมานานกว่า 4 ทศวรรษ ได้ออกมาประกาศความสำเร็จ ในการเป็นศูนย์การค้าที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาย่านธุรกิจการค้า ที่พักอาศัย สอดรับแผนพัฒนาสร้างความเจริญกรุงเทพฯด้วยแนวคิดรีเทลมิติใหม่ กับการสร้างย่านการค้าที่มาพร้อม 3 โครงการ 3 มุมเมือง ซึ่งประกอบด้วย “The Emsphere บนทำเลใจกลางสุขุมวิท เดอะมอลล์ ไลฟ์สไตล์ สาขาบางกะปิ บนทำเลฝั่งตะวันออก และ เดอะ มอลล์ ไลฟ์สไตล์ สาขาบางแค ที่ยึดหัวหาดฝั่งตะวันตก ที่มาพร้อมแนวคิด A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE หรือ ชีวิตที่มีความสุข ทุกครอบครัว ที่จะมาสร้างมิติใหม่แห่งความสุขสำหรับคนเมือง หรือ “Capital of Life Wonders” ด้วย มหัศจรรย์ มหาศาล ที่มหานครแห่งใหม่  ที่มอบให้กับทุกครอบครัว ทุกไลฟ์สไตล์ โดยมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 50,000 ล้านบาท 

Calling The World : ปรากฏการณ์ที่โลกเรียกหา 

ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดศูนย์การค้าทั้ง 3 โครงการ ใน 3 มุมเมือง ถือเป็นจังหวะที่ดีเปิดพร้อมๆ กันจะได้มีพลัง เพราะเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เราเปิดเดอะมอลล์บางกะปิ และ เดอะมอลล์ บางแค เป็น 2 มุม 2 เมือง แต่ครั้งนี้ เราเปิดอีกเมืองคือ ดิ เอ็มสเฟียร์  โดยมีคอนเซ็ปต์ว่า Calling The World หรือ ปรากฏการณ์ที่โลกเรียกหา ซึ่งเราต้องการแสดงให้เห็นว่า สีสันเรากำลังสื่อออกไปนั้น ไม่ใช่ธรรมดา และก็จะเป็น Full Phenomenon หรือปรากฏการณ์เต็มรูปแบบ และที่เราวางไว้แบบนี้ เพราะเดี๋ยวนี้ พฤติกรรมของคน มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คนเริ่มซื้อของลักซ์ชัวรี่ รวมถึง ชอบของแปลก ของใหใ และไม่ซ้ำซาก อีกต่อไป ขณะเดียวกัน ก็ยังต้องการเป็นตัวของตัวเอง และต้องการที่ชีวิตที่เป็นอิสระ รวมถึงพร้อมที่จะบอกว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรอีกด้วย 

ประธานกรรมการ บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จำกัด ยังบอกด้วยว่า ในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 จะได้เห็นการเป็นตัวอย่างเป็นทางการ ของ ดิ เอ็มสเฟียร์  ที่ภายในพื้นที่ จะมีร้านค้า ที่ไม่เหมือนร้านค้าทั่วไป และมีความเป็นเป็น ยูนีค ที่ไม่มีที่อื่นแน่นอน ซึ่งการเปิด ดิ เอ็มสเฟียร์ ในพื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้กับ เอ็มโพเรียม และเอ็มควอเทียร์ เป็นเพราะเธอ ต้องการให้กลายเป็นย่านการค้าที่สำคัญ ในกรุงเทพฯเพราะว่า ถ้าเป็นแค่ศูนย์การค้าเพียงแห่งเดียว อาจจะทำให้อยู่ได้ไม่นาน เราเคยทำแบบ สแตนด์อะโลน มาแล้ว แต่อยู่ได้ไม่นาน ต้องทำให้เป็นย่านการค้า เพราะเมื่อเป็นย่านการค้าแล้ว คนก็จะไม่ไปไหน เพราะเขาจะติดย่านนั้น ตัวร้านค้าแม้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่การเป็นย่าน จะยังคงอยู่ 

ทำเลแห่งความมั่งคั่ง 

คุณแอ๊ว ยกตัวอย่างด้วยว่า หากดูที่ RCA แม้จะผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว แต่ทำไมยังอยู่ได้ก็เพราะเป็นย่านสุขุมวิท จุดที่เราอยู่ เป็นใจกลางเมือ และเป็นย่านคนรวยอาศัยอยู่มานาน เป็นเสมือน Midtown ส่วนที่สยามพารากอนเป็นจุดที่เรียกว่า Downtown ซึ่งเวลานี้ก็แน่นขนัดไปหมดแล้ว ขณะเดียวกัน เราอยู่ในทำเลที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียว เปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่ของการเดินทางในกรุงเทพฯ .ใกล้ๆ กันบริเวณอโศก ก็ยังเป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าสายสีเขียว กับ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT หรือ จะเลยไปตรงทองหล่อ ในอนาคต ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเทา จากรามอินทรา ผ่านเกษตรนวมินทร์ มุ่งตรงมาเชื่อมต่อกับสายสีเขียว ขณะที่ เส้นสุขุมวิทเอง ก็ยังเป็นแหล่งรวมโรงแรม 5 ดาว หลายแห่ง 

ประธานกรรมการบริหาร เดอะ มอลล์ กรุ๊ป บอกด้วยว่า ในอดีตตอนที่เธอมาเปิด เอ็มโพเรียม เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ยังไม่มีคอนโดมิเนียมเลยแต่พอมาวันนี้ มีคอนโดมิเนียม มีทุกอย่าง เพราะว่ามี ดิ เอ็มโพเรียม คนชอบทํางานแถวนี้ มีบ้านแถวนี้ นอกจากนี้ สุขุมวิทยังเป็นที่รวมของกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในเมืองไทย วันนี้ของเรามี 3 ตึก คือ ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ ดิ เอ็มสเฟียร์ พอรวมกันแล้ว ก็มีพื้นที่กว่า 600,000 ตรม. ตกตึกละ 200,000 ตรม. กลายเป็นเอ็มดิสทริคขึ้นมาได้ 

หากสังเกตดีๆ แม้จะเป็นศูนย์สรรพสินค้า ทั้ง 3 ตึก แต่ทั้ง 3 ศูนย์ ก็มีความแตกต่างกัน โดยเอ็มโพเรียมยังเน้นเรื่องของ ความลักซ์ชัวรี่ กับดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ส่วนเอ็มควอเทียร์เป็นลักซ์ชัวรี่ บวกกับแฟชั่นที่เป็นเมกะ Cutting-Edge ซึ่งภายในจะมีร้านแฟชั่นที่ไม่ธรรมดา และยังมีสิ่งที่เรียกว่าเป็น Big Box ทั้ง ซาร่า, ยูนิโคล่, โรงหนัง IMAX มีศูนย์เรียนรู้ มี Harbor Land ส่วนเอ็มสเฟียร์ถูกวางให้เป็น Sleepless Metropolis แหล่งแฮงเอาต์ ที่มาพร้อมความสนุกเป้าหมายของเรา ตั้งไว้ว่า เป็นกลุ่มคนไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งต้องผสมกันถึงจะดี เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมา ก็ยังมีคนไทยรองรับ โดยเรามองสัดส่วนของลูกค้าคนไทย และชาวต่างชาติเป็น 65-35 แต่ถ้าเป็นช่วง High Season จะเป็น 60-40 โดยสิ่งที่จะมาช่วยดึงลูกค้าก็คือ UOB LIVE” คุณแอ๊ว กล่าว 

ตีโจทย์การท่องเที่ยว 

ประธานกรรมการบริหาร ยังได้พูดถึง วิธีการการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้า เมืองไทยด้วยว่าก่อนอื่น ต้องถามก่อนว่านักท่องเที่ยว เขามาเมืองไทยเพื่ออะไร หากเป็นเรื่องของธุรกิจ เชื่อว่า ไม่น่าจะใช่แล้ว เพราะวันนี้ นักธุรกิจต่างมุ่งไปที่เวียดนามกัน ส่วนคนที่มาเมืองไทย คนกลุ่มนี้ มีจุดมุ่งหมายคือ การมาเที่ยว มากิน พวกเขาชอบคนไทย ชอบทะเล เพราะทะเลบ้านเราสวย ประเทศอื่นไม่มีแบบเรา อาหารก็อร่อย การบริการก็สุดยอด ส่วนการจะมาซื้อของนั้น โดยส่วนตัวมองว่า น่าจะเป็นทางเลือกที่สองมากกว่า เพราะคนยุโรป ไม่ต้องมาซื้อของที่นี่ เพราะของลักซ์ชัวรี่ แบรนด์เนม ที่บ้านเขาถูกกว่า 

เช่นเดีนวกับคนจีน ที่มีแหล่วซื้อสินค้าที่มีราคาถูกของเขาอยู่แล้ว เหมือนกับ สิงคโปร์ และ ดูไบ เขาก็มี Duty Free “เขามาเมืองไทย ก็เพื่อมาเที่ยว ส่วนใหญ่ก็จะไป ภูเก็ต สมุย ซึ่งภาคใต้ของไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ แต่สำหรับกรุงเทพฯ อาจจะไม่ค่อยมีสถานที่ทองเที่ยวมากสักเท่าไร และการสร้าง เอ็มสเฟียร์ ขึ้นมาเราก็มีจุดมุ่งหมายว่า จะให้เป็นอีกสถานที่ทองเที่ยวในกรุงเทพฯ แบบเป็นเรื่องเป็นราว มาสนุก มากิน มาเที่ยว มาเปรี้ยว มามันส์ ทําให้ที่นี่เป็นเหมือน Hub of Entertainment” 

Sleepless Metropolis

นอกจากนี้ คุณแอ๊วยังได้บอกด้วยว่า “UOB LIVE ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ของ เอ็มสเฟียร์ ซึ่งเราได้ร่วมกับ AEG เพื่อต้องการให้เป็น World Class Arena ที่มีความจุผู้ชมได้ถึง 6,000 ที่นั่ง เป็น Game Changer และจะพาดารา ศิลปิน จากทั่วโลกมาจัดแสดงที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น K-Pop  J-Pop  China-Pop หรือแม้แต่ Thai-Pop ให้อารมณ์เหมือนเป็นคนไปเที่ยวลาสเวกัส ที่ไม่ใช่คนอเมริกัน แต่เป็นคนต่างชาติ 

ต่างชาติ เวลามาเมืองไทย พวกเขาชอบกินอาหาร ทั้งผัดไทย หอยทอด เราก็จะมีสตรีทฟู้ด ที่ปิดดึกมาก ๆคุณแอ๊ว อธิบายด้วยว่า  ในโซนร้านอาหาร เราพยายามจะเปิดให้ถึงตี 4 เพราะตอนออกแบบเราออกแบบที่จอดรถ แยกลิฟต์ ให้แยกพื้นที่กัน สามารถขึ้นไปข้างบนได้เลย เพื่อทำที่นี่ให้เป็นแหล่งเที่ยวคุณภาพที่สุด โดยเรามีเป้าหมายเพื่อให้ที่นี่เป็น To Live, To Work, To Have a good life it all in here หรือเรียกว่า Sleepless Metropolis เราต้องการทำให้ที่นี่เป็นที่ไม่มีการหลับใหลคุณแอ๊ว เล่าอีกว่าตอนแอ๊วไปเปิด Café Del Mar ที่ภูเก็ต รู้สึกตกใจมาก กลายเป็นที่เช็กอินของทุกคน  และทุกคนเมื่อพูดถึงภูเก็ต ก็ต้องพูดถึง Café Del Mar ด้วย นี่เรื่องจริง เราก็เลยทำที่นี่ด้วย เพื่อจะได้มีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวมากขึ้นไม่เพียงเท่านั้น มัลติมีเดีย  3D ยังเป็นอีกหนึ่งเทคโลยี ที่ประธานกรรมการบริหาร ให้ความสำคัญเราทํามัลติมีเดียแบบ 3D เพื่อให้คนเกิดครีเอทีฟ มีความคิดสร้างสรรค์ แอ๊วลงทุนต้นไม้ไม่รู้กี่สิบล้าน เราต้องการคนทุกชาติ ที่ทำไม่ใช่เพื่อแอ๊วคนเดียว โรงแรมทั้งถนนจะดีด้วยกันหมดคุณแอ๊ว ยังบอกด้วยว่า เธอเป็นเหมือนปลาตัวเล็ก

พอเราตัวเล็ก เราก็ทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เหมือนกับคนอื่น ถ้าเป็นปลาใหญ่จะทําไม่ได้ เอ็มสเฟียร์ ก็เปรียบเหมือนปลาฉลาม แต่ก็ตัวไม่ใหญ่มาก ไม่เหมือนบางกอกมอลล์ ซึ่งเป็นอีกโครงการของเดอะมอลล์ ที่เหมือนปลาวาฬ เจอน้ำตื้นก็เลยเสร็จกันไปประธานกรรมการบริหาร เดอะ มอลล์ กรุ๊ป กล่าว 

งานเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่

สำหรับการเฉลิมฉลองการเปิด ดิ เอ็มสเฟียร์ อย่างเป็นทางการ ที่ผนึกกำลังกับ 100 พันธมิตร จะเกิดขึ้นในวันที่ 1-3 ธันวาคม 2566 ซึ่งจะมาพร้อมอภิมหาปรากฏการณ์เฉลิมฉลองอย่ายิ่งใหญ่ไม่รู้จบตลอดเดือนธันวาคม และต่อเนื่องถึงมกราคม 2567 ทั้งในส่วนของ ดิ เอ็มสเฟียร์ ดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ ด้วยพาเหรด ดารา และศิลปินชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 100 ชีวิต นำโดย คิม มินกยู หนุ่มหล่อสุดฮอตจากประเทศเกาหลี, ใหม่ ดาวิกา, พีพี กฤษฏ์, ซีนุนิว, ออฟกัน,นนกุล, Pixxie, Trinity,เจเลอร์ กฤษณภูมิ ต้าเหนิง, จูเน่ เพลินพิชญา และอีกมากมาย 

ชณะที่กิจกรรมเฉลิมฉลองโฉมใหม่ ของเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ จะจัดขึ้นที่เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิจะมีขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 และจะฉลองต่อเนื่องเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแคในช่วงต้นปี 2567 โดยเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ได้ผนึกพลังพันธมิตรทางธุรกิจร่วมฉลองโฉมใหม่ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าด้วยกิจกรรมและโปรโมชั่นพิเศษมากมาย พร้อมการเฉลิมฉลองสุดอลังการ ตระการตาด้วยสุดยอดโชว์ แสง สี เสียง โปรดัคชั่นระดับโลก มาพร้อมกับการแสดงสุดเซอร์ไพร์ส จากเหล่าศิลปินระดับเอเชียซุปเปอร์สตาร์ พร้อมด้วยโปรโมชั่นสุดว้าวแห่งปี ที่จะอยู่ในความทรงจำของทุกคนไปตลอดกาล ภายใต้คอนเซปต์ “THE CAPITAL OF LIFE WONDERS” มหัศจรรย์ มหาศาล ที่มหานครแห่งใหม่ที่จะพาทุกคนโลดแล่นไปกับความตื่นตาตื่นใจของเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ โฉมใหม่ ผ่านการแสดงสุดประทับใจ จากเหล่านักแสดงมืออาชีพกว่า 100 ชีวิต ได้แก่ บิวกิ้นพีพีกฤษฏ์ , โต๋ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร, ส้มมารี เออเจนี เลอเลย์, ซิลวี่ภาวิดา มอริจจิ มาร่วมส่งมอบความสุข ความสนุกสนาน แบบจัดเต็มอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทศกาลความสุขมหาศาล ด้วยกิจกรรม และมินิคอนเสิร์ตจาก ต้นธนษิต จตุรภุช, อะตอมชนกันต์ รัตนอุดม, เบล วริศรา จิตปรีดาสกุล, วง FELLOW FELLOW, วง NICE CNX และศิลปิน T-Pop อาทิ PIXEL, PRETZELLE, PERSES, PROXIE, PRIMETIME, ALALA, ZOLAR รวมกว่า 50 ชีวิต

Facebook Comments


Social sharing

Related post