
ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ย้ำโพสต์ข้อความในเพจ “ยังยืนยันคำเดิมครับ เวลาของพวกเรามาถึงแล้ว…”

“นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ย้ำโพสต์ข้อความอีกครั้งลงในเพจ : Pita Limjaroenrat-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หลังจากมีแนวโน้มว่า จะได้เสียงข้างมากและเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และถือว่าเป็นนายกฯ คนที่อายุน้อยที่สุด คือ 42 ปี โดยที่ อภิสิทธิ์ กับ ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ อายุ 44 ปี เท่ากัน
โดยมีข้อความยาวเหยียดว่า….
ยังยืนยันคำเดิมครับ
[ เวลาของพวกเรามาถึงแล้ว ]
พี่น้องประชาชนที่รัก วันนี้ผม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ‘ชัด’ และ ‘พร้อม ‘ แล้วที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
.
เรามีความฝัน ความหวัง แบบเดียวกัน และเราเชื่อเหมือนกันว่า ประเทศไทยที่เรารักจะดีกว่านี้ได้ ความเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ ถ้าเราเริ่มต้นลงมือทำตั้งแต่วันนี้… ความฝัน ความหวัง ของพวกเรานั้นค่อนข้าง “เรียบง่าย ตรงไปตรงมา”
.
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ผมเดินทางไปรวบรวมความหวัง ความฝัน ของผู้คนทั่วประเทศ และก็เห็นข้อจำกัดของการเมืองไทยที่ผ่านมาแจ่มชัดมากขึ้น วันนี้ ผม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมแล้วที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน…
.
ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผม
ผมก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีของท่าน
ไม่ว่าท่านจะโหวตหรือไม่โหวตให้ผม
ผมก็จะรับใช้ท่าน…
.
-คนที่เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง อยากมีอากาศสะอาดหายใจ
-ทุกที่ที่ผมไป พี่น้องประชาชนบอกว่าอยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนเป็นคนร่างเอง แล้วก็หวังว่าจะไม่มีใครมาฉีกมันอีก
-มีเด็กเล็กเดินมาหาผม แล้วพูดว่า เมื่อเขาโตมา ไม่อยากให้มีการบังคับเกณฑ์ทหารอีก
-เกษตรกรบอกผมว่า พวกเขาอยากเอาผลหมากรากไม้ไปทำเครื่องดื่ม เพื่อทำให้มันกลายเป็นจุดขายของจังหวัด
-พี่น้องที่เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ต้องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ของพวกเขาเอง ต้องการให้คนในจังหวัดมีอำนาจ มีงบประมาณ เพียงพอที่จะกำหนดอนาคตของตนเองได้ว่า ยุทธศาสตร์ของบ้านตัวเองคืออะไร จะทำโรงเรียน รถสาธารณะ แหล่งน้ำ แบบไหน พวกเขาอยากเห็นการลงทุนในบ้านเกิดที่สร้างงานที่มีคุณภาพ จะได้ไม่ต้องอพยพไปหาเงินที่อื่น
-พี่น้องตำรวจชั้นผู้น้อยบอกผมว่า พวกเขาอยากทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี มีค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีพอ จะได้ไม่ต้องไปหาลำไพ่พิเศษหรือยอมรับระบบรีดไถ พวกเขาไม่อยากแข่งกันหาเงินไปซื้อตั๋วเพื่อเลื่อนขั้น แต่อยากแข่งกันทำงานรับใช้ประชาชน
-พี่น้องอีกนับล้านคน อยากได้สิทธิในที่ดินของบรรพบุรุษคืนจากกฎหมายป่าไม้ที่เขียนขึ้นมาทีหลัง แล้วมาชี้ว่าผืนดินที่พวกเขาทำมาหากินมานมนาน จะไม่ใช่ที่ดินของพวกเขาอีกต่อไป
-นักเรียนมัธยมบอกผมว่า พวกเขาอยากรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ในโรงเรียน ห้องเรียนเป็นที่ที่พวกเขาจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ชวนให้กล้าคิดกล้าจินตนาการ
-คุณครูก็อยากใช้เวลาอย่างเต็มที่กับนักเรียน ไม่ใช่ต้องเอาเวลาไปอยู่กับเอกสารการประเมินกองโต หรือต้องเข้าเวร ซึ่งบอกไม่ได้ว่าจะทำไปทำไม
-คนงานที่สมุทรปราการ ที่ชลบุรี บอกผมว่า พวกเขาอยากได้สัญญาจ้างที่เป็นธรรม หลายคนทำงานมา 10 ปี ก็ยังมีสถานะเป็นลูกจ้างชั่วคราวทั้งที่ทำงานไม่ต่างจากเพื่อนในไลน์การผลิตเดียวกัน หลายคนเริ่มไม่มั่นใจว่า อุตสาหกรรมเดิมๆ ที่เคยจ้างงานคนจำนวนมาก เมื่อไรจะย้ายหนีออกไปประเทศอื่น
-พนักงานหญิงในกรุงเทพฯ อยากได้วันลาคลอดที่นานพอ มีศูนย์เลี้ยงเด็กดีๆ แถวบ้านหรือที่ทำงาน มีห้องให้นมในบริษัท แล้วถ้าประเทศของเรามีสวัสดิการเด็กเล็กที่ดี พวกเขาก็มั่นใจว่าจะสามารถดูแลให้ลูกๆ เติบโตเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพของสังคมได้
-คุณยายที่กาฬสินธ์ุ ไม่อยากให้ตนเองเป็นภาระของลูกหลาน ถ้าสามารถปลดหนี้จากการทำนาที่ยิ่งทำยิ่งจนได้ ถ้ารัฐมีเงินสวัสดิการที่เพียงพอกว่านี้ มีระบบดูแลผู้สูงอายุในชุมชนที่ดี ลูกหลานของพวกเขาจะได้มีกำลังไปไล่ตามความฝันของตัวเองได้เต็มที่
-นักธุรกิจรุ่นใหม่ ก็อยากเห็นระบบราชการที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ อยากสร้างความเติบโตจากการแข่งขันกันที่ฝีมือ ไม่ใช่เส้นสาย
-คนที่ยะลา นราธิวาส ปัตตานี อยากได้สันติภาพจริงๆ กลับคืนมา พวกเขาอยากรู้ว่า เมื่อไรบรรยากาศที่บ้านของเขาจะไม่เหมือนตกอยู่ในภาวะสงครามสักที
-คนรุ่นใหม่ทั่วประเทศอยากมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก เขาอาจจะคิดเหมือนคนรุ่นเก่า คงไม่มีใครคิดถูกหรือผิดทั้งหมด แต่ก็ไม่ควรมีใครต้องติดคุกเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็น
“เพื่อจบปัญหาเก่าในอดีต
เผชิญปัญหาใหม่ในปัจจุบันอย่างมีวุฒิภาวะ
แล้วพาสังคมไทยไปสู่อนาคตที่เราไม่เคยไปถึงมาก่อน”
.
———
*** จบปัญหาเก่า ***
ปฏิเสธกันไม่ได้ว่า สิ่งที่ฉุดรั้งสังคมไทยเอาไว้ สำคัญมากๆ คือเราติดหล่มความขัดแย้งทางการเมืองมาไม่ต่ำกว่า 17 ปีแล้ว วันนี้พวกเราก็ยังบอกไม่ได้ว่า ระบบการเมืองแบบไหนที่เรายอมรับที่จะอยู่ร่วมกันได้ แม้ว่าจะไม่เห็นเหมือนกันทั้งหมด
.
จะจบปัญหานี้ได้ แน่นอนครับว่าเราต้องยุติวงจรรัฐประหาร เริ่มต้นกันที่การปฏิรูปกองทัพอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้บรรลุ 3 เป้าหมาย คือ
.
(1) ทำให้กองทัพอยู่ภายใต้พลเรือน (2) ทำให้กองทัพจิ๋วแต่แจ๋ว กองทัพมีขนาดเล็กลง แต่โปร่งใสขึ้น ทันสมัยขึ้น มีสวัสดิการให้ทหารชั้นผู้น้อยมากขึ้น และ (3) ภารกิจของกองทัพมีเพียงป้องกันภัยความมั่นคงจากภายนอกประเทศ ส่วนปัญหาความมั่นคงภายใน ปล่อยให้เป็นเรื่องของพลเรือน เช่นนี้แล้ว กองทัพก็จะมีศักดิ์ศรี ไม่มาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน
.
แล้วสำหรับคนที่เคยเห็นด้วยกับการรัฐประหารนั้น ผมเข้าใจว่าหลายท่านไม่ไว้วางใจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง มองเห็นการเมืองในสภาเป็นเรื่องสกปรก เกลียดการคอรัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน ระบบอุปถัมภ์ หรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ
.
ผมอยากจะบอกทุกคนว่า 17 ปีที่ผ่านมา มันได้ให้บทเรียนแก่พวกเราอย่างสาสมแล้วว่า การเมืองดีๆ ที่เราอยากเห็นนั้นไม่มีทางลัด มีแต่ต้องทำให้ระบอบประชาธิปไตยแข็งแรงมากขึ้นๆ เท่านั้น ถึงจะแก้ปัญหาที่เราไม่พึงปรารถนาได้ การปฏิรูปก่อนเลือกตั้งนั้นไม่มีอยู่จริง และนักการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งต่างหาก ที่ฉ้อฉลและตรวจสอบไม่ได้ยิ่งกว่านักการเมืองจากการเลือกตั้ง
.
ดังนั้น เพื่อจบปัญหาเก่าให้ได้ สิ่งที่รัฐบาลก้าวไกลจะทำไปพร้อมกับการปฏิรูปกองทัพ ยุติวงจรรัฐประหาร คือผมจะทำให้สังคมกลับมาศรัทธาในระบบรัฐสภาอีกครั้ง ผมและพรรคก้าวไกลจะยกระดับคุณภาพของนักการเมืองไทย เราจะสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ระบบป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจโดยมิชอบ ที่มีประสิทธิภาพ สิ่งที่พวกเราต้องการ คือ ‘ระบบการเมืองที่ดี’ ไม่ใช่การเมืองที่ฝากความหวังไว้กับ ‘คนดีย์’
.
*** เผชิญปัญหาใหม่อย่างมีวุฒิภาวะ ***
เมื่อจบปัญหาเก่า ผมจะเป็นผู้นำทางการเมืองที่กล้าเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ เพื่อสร้างความปกติใหม่ของสังคมไทยอย่างมีวุฒิภาวะ
.
ผมไม่เคยเชื่อว่าสังคมที่หยุดนิ่งอยู่กับอดีตจะมีอนาคตได้ และผมไม่เคยเชื่อว่าสังคมที่หยุดนิ่งราวถูกแช่แข็งเอาไว้จะมีอยู่จริง
.
ทุกสังคมย่อมมีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของมัน สังคมไทยก็เช่นเดียวกันครับ เกิดความรู้สึกนึกคิดแบบใหม่ เกิดความปรารถนาแบบใหม่ เกิดพลังทางสังคมใหม่ๆ
.
และเป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อสิ่งใหม่เกิดขึ้น ย่อมถูกต่อต้านจากสิ่งเก่า แต่สุดท้าย ผมเชื่อว่าสังคมไทยจะหาจุดลงตัวได้ เป็นจุดลงตัวที่ไม่มีใครได้ทั้งหมด ไม่มีใครเสียทั้งหมด เป็นจุดลงตัวที่เรายอมรับร่วมกันได้ แม้จะไม่เห็นตรงกันทุกเรื่อง และจะไปถึงจุดนั้นได้ เราต้องสร้างสังคมไทยให้พร้อมรับความแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างหลากหลายทางเพศ เชื้อชาติ รวมทั้งความคิดทางการเมือง
.
เราต้องบริหารจัดการความเห็นต่างไม่ให้กลายมาเป็นความขัดแย้ง ด้วยการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก และทำให้เรามีระบบนิติรัฐ มีระบบกฎหมายที่ดี มีกระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกัน ทำให้การคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนเจ้าของประเทศ เป็นเป้าหมายหลักของรัฐ ความมั่นคงของชาติคือความมั่นคงของประชาชน ไม่ใช่มองประชาชนเป็นศัตรูของชาติ
.
วันนี้คุณหยก เยาวชนอายุ 14 ปี กำลังถูกคุมขังอยู่ เธอเป็นผู้ต้องหาตาม ม.112 ที่อายุน้อยที่สุด ผมขออนุญาตไม่ถกเถียงในที่นี้ว่า การกระทำของหยกถูกหรือผิด เหมาะสมไม่เหมาะสม เราควรจะแก้ไข ม.112 หรือไม่ อย่างไร แต่ผมอยากจะบอกว่า พวกเราจะหาทางออกจากปรากฏการณ์ใหม่ที่น่ากระอักกระอ่วนใจแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเราไม่ตั้งสติกันดีๆ แล้วมัวแต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการใช้กำลังและกฎหมายกดทับปราบปราม ยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง
.
ยิ่งสำหรับคนที่เคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเข้าใจว่าท่านอึดอัดกังวลใจ หลายท่านคงเกลียดหรือโกรธเมื่อเห็นการแสดงออกของคนรุ่นใหม่ แต่ผมอยากชวนทุกคนลองตั้งสติดีๆ แล้วจะมองเห็นอย่างเข้าใจว่า นี่เป็นปลายเหตุของปัญหาแล้ว
.
ความรู้สึกนึกคิดของคนรุ่นใหม่เป็นผลมาจากปัญหาที่คนรุ่นก่อนหน้าเขาสร้างทิ้งเอาไว้ นั่นคือการนำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ผมเชื่อว่า ถ้าไม่มีใครชูคำขวัญ “เราจะสู้เพื่อในหลวง” เพื่อโค่นล้มรัฐบาล ถ้าไม่มีใครอิงแอบสถาบันเพื่อก่อรัฐประหาร ถ้าไม่มีใครเอาเรื่องล้มล้างสถาบันมาปลุกปั่นทางการเมืองให้คนเกลียดชังกันเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ถ้าเราไม่ใช้ ม.112 มาเป็นเครื่องมือมาทำลายล้างกัน วันนี้หยกและเพื่อนร่วมรุ่นของเธอ คงจะใช้ชีวิตวัยเยาว์อย่างที่มันควรจะเป็นอยู่กับเพื่อนๆ อยู่กับครอบครัว ไม่ใช่ในคุก
.
ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่ๆ อย่างมีวุฒิภาวะ แก้ปัญหาที่ต้นตอ ด้วยการยุติการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นประเด็นการเมือง แล้วหากุศโลบายที่ดีเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จัดวางพระราชอำนาจและพระราชสถานะให้เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ ทำแบบนี้สถาบันจึงจะดำรงอยู่ได้อย่างสง่างามในสังคมไทย
.
*** พาสังคมไทยไปสู่อนาคต ***
เมื่อจบปัญหาเก่า จัดการปัญหาใหม่ได้ เราจะสร้างฉันทามติของสังคมไทยใหม่ แล้วพวกเราจะมีสมาธิ มีสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อนำพาประเทศไปสู่อนาคต
.
พิธาและทีมพิธาในรัฐบาลก้าวไกล พร้อมจะวางรากฐานใหม่ที่มั่นคงของสังคมไทยด้วยระบบรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ สร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตด้วย เปิดโอกาสและแบ่งปันความมั่งคั่งอย่างเป็นธรรมด้วย การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยกเครื่องระบบราชการและระบบงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ กระจายอำนาจให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าทุกจังหวัด ปฏิวัติระบบการศึกษาให้เท่าทันโลก
.
พิธาและทีมพิธา พร้อมจะเปลี่ยน “สุราก้าวหน้า” เป็นเศรษฐกิจใหม่ ปลดล็อกกระทรวงการคลัง สร้างศูนย์ทดสอบคุณภาพ ชุมชนมีโรงงานท้องถิ่น มีการจ้างงานคุณภาพสูง ใช้ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาระบบการขายออนไลน์
.
พิธาและทีมพิธา พร้อมจะสร้างมูลค่าจากภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของสังคมไทยด้วย “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรม เป็นกระทรวงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพิ่มงบประมาณและคุ้มครองคนทำงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
.
พิธาและทีมพิธา พร้อมจะสร้าง “เศรษฐกิจดิจิทัล” ทำข้อมูลให้เป็นขุมทรัพย์
.
พิธาและทีมพิธา พร้อมจะ “สร้างงาน ซ่อมประเทศ” เอาปัญหาชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำประปาไม่สะอาด ขาดแคลนระบบขนส่งสาธารณะในแต่ละจังหวัด ปัญหาขยะ ไปจนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ลงทุนในการแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตพื้นฐานเหล่านี้ เพื่อสร้างความต้องการในตลาด สร้างอุตสาหกรรมและงานที่มีคุณภาพทุกหัวเมือง
.
พิธาและทีมพิธา พร้อมจะปรับยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจใหม่ ด้วยการสร้างเทคโนโลยีของตัวเอง เพื่อพาไทยกลับเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของโลกที่มีมูลค่าสูงให้ได้ ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนยุทธศาสตร์แบบ area base เป็น supply chain base มองให้เห็นโอกาสใหม่ๆ ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกแบบใหม่ ไทยต้องเป็นผู้เล่นบนเวทีโลก ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ลูกไล่ของขั้วมหาอำนาจโลก ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจฝั่งไหน
.
“เวลาของพวกเรามาถึงแล้ว”
.
ผมพร้อมจะนำประสบการณ์และความเข้าใจทั้งต่อโลกเก่าและโลกใหม่ มาบริหารประเทศเพื่อไปสู่อนาคตใหม่ของประเทศไทยที่ไปไกลกว่าที่เคยเป็นมา
.
ผมพร้อมจะนำประสบการณ์ที่มองเห็นข้อจำกัดของการเมืองแบบเดิม เพื่อทำในสิ่งที่การเมืองในอดีตทำไม่สำเร็จ
.
14 พฤษภาคมนี้ ไปเลือกตั้งด้วยความหวัง ไม่ใช่เลือกด้วยความกลัว
.
เลือกเพื่อออกจากอดีต เลือกเพื่อไปสู่อนาคต ไม่ใช่เลือกเพื่อวนกลับไปที่เดิม
.
คำตอบสุดท้าย ชัดเจน ตรงไปตรงมา มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง
.
คำตอบสุดท้าย ชัดเจน ตรงไปตรงมา กาก้าวไกลทั้งแผ่นดิน ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
.
14 พฤษภาคม 2566
ถึงเวลาประชาชนกล้าฝันใหญ่
คำตอบสุดท้าย #ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
.
#เลือกตั้ง66