
วิเคราะห์ : โทนี่ วู้ดซั่ม กับยุทธการคลับเฮาส์ ข้อแนะนำเพื่อสังคมไทย ที่เขย่าเก้าอี้ประยุทธ์


แม้ว่ารัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม จะพยายามด้อยค่าคำแนะของ Tony Woodsome หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยการตอกย้ำว่า เป็นนักโทษหนีคดีไปอยู่ต่างแดน จึงไม่ควรที่สื่อ และประชาชนจะให้ความสำคัญ
ขณะเดียวกันก็จะมีคนรอบข้าง ที่แม้สมัยก่อนจะอยู่พรรคเพื่อไทย สมัยก่อนจะร่วมฝั่งที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยมาก่อน แต่เมื่อย้ายฝั่งมารับใช้ พล.อ.ประยุทธ์ จนได้ดิบได้ดี คดีความต่างๆเงียบหายไป หรือจบลงไปแบบที่ทำให้สังคมอดรู้สึกไม่ได้ว่า เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนหรือไม่
ซึ่งคนเหล่านี้จะออกมาโจมตีอดีตนายกฯทักษิณในทุกรูปแบบ โดยไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใดๆจากสังคม
แต่ยิ่งพยายามด้อยค่า ยิ่งพยายามให้คนที่ถูกมองว่าทรยศ เนรคุณ หักหลัง ออกมาแสดงท่าทีก้าวร้าว ยิ่งกลายเป็นเพิ่มค่าให้กับนายทักษิณ ชินวัตร มากขึ้น
ในขณะที่ รัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่สามารถตอบได้ว่า ทำไมบรรดาคดีความของคนที่เปลี่ยนขั้วมารับใช้ จึงเงียบหาย ค้างคา หรือไร้วี่แววการเอาจริงเอาจังจากกระบวนการยุติธรรมในยุครัฐบาลประยุทธ์
หรือแม้แต่กระทั่งคนของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่อยู่ในปัจจุบัน ทั้งที่เป็นอดีตสมาชิก ที่พยายามจะออกมาด้อยค่าด้วยเช่นกันนั้น ก็ไม่สามารถที่จะก้าวผ่านประเด็นที่ว่า เพราะพ่ายแพ้การเลือกตั้งในสนามประชาธิปไตยใช่หรือไม่ จึงได้มีอาการแค้นไม่เลิกรา รวมทั้งไม่ต้องการให้สามารถกลับมาเป็นคู่แข่งได้อีก จึงต้องพยายามเล่นงานในทุกวิถีทาง
เพราะต้องยอมรับว่า ตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย มาเป็นพรรคพลังประชาชน กระทั่งเป็นพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถเอาชนะในสนามเลือกตั้งได้เลยสักครั้ง ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นนายชวน หลีกภัย หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ตาม
ที่สำคัญก็คือ วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ เป็นหัวหน้าพรรค ที่ยอมพายเรือให้ พล.อ.ประยุทธ์นั่ง แบบไม่แคร์ความรู้สึกของสังคม ไม่เพียงแต่จะเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองให้กับพรรคเพื่อไทย แต่ยังพ่ายแพ้แม้แต่กับพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ
จนถูกวิเคราะห์อย่างมากมายว่า “อวสานต์เซลแมน” อาจจะอยู่ไม่ไกลแล้ว
จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดไม่ใช่น้อยว่า ใช่เพราะความพยายามด้อยค่านายทักษิณในทุกวิถีทางหรือไม่ ที่ทำให้ยิ่งนับวัน การออกมาแสดงความคิดเห็นของนายทักษิณ หรือ โทนี่ วู้ดซั่ม กลายเป็นยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้น
ครั้งหลังสุด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม โทนี่ หรือนายทักษิณ ก็ได้ร่วมเสวนา ในรายการ Care Talk x Care ClubHouse อีกเช่นเคย โดยครั้งนี้ใช้ชื่อว่าตอน Roadmap to New normal วางเส้นทางสู่วิถีใหม่ ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้ร่วมรับชมจำนวนมากเหมือนทุกครั้ง
ช่วงแรกของการดำเนินรายการ โทนี่ ได้เริ่มด้วยการกล่าวปาฐกถา “Roadmap to New normal” โดยได้เสนอ 7 วิธีการแก้ปัญหาโควิดภายในสิ้นปี เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตแบบ “ปกติใหม่” ในวันที่ 1 มกราคม 2565 แก่รัฐบาล เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหามหาวิกฤตในรอบนี้ โดยกล่าวว่า New Normal นั้น เนื่องมาจากอะไรที่เป็นปกติธรรมดาเดิมเป็นไม่ได้ ถึงต้องเรียกว่า new normal เราต้องใช้ชีวิตเหมือนปกติให้ได้ ปัจจัยที่มาแทรกคือโรคโควิด ย้อนไปร้อยกว่าปีที่แล้วก็คือไข้หวัดสเปน เพราะร่างกายเราไม่รู้จักไวรัสตัวนี้ ยาก็กำลังทดลอง ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2019 มีคนตายจากไข้หวัดใหญ่ประมาณ 20,000 กว่าคน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุ และผู้มีโรคแทรกซ้อน ซึ่งโควิดต่อไปก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน หลายประเทศเริ่มบอกให้ประชาชนรู้แล้วว่าเราคงต้องอยู่กับโควิดแล้ว แต่จะอยู่อย่างไรให้ new normal ซึ่งถ้าอยู่แบบทุกวันนี้ต้องไปเข้าคิว ก็เลยทำให้ทุกวันนี้เป็น new disaster (หายนะครั้งใหม่) ซึ่งถ้าพอเข้าใจ new normal แล้วก็ต้องสร้าง roadmap ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาลจริงจังแค่ไหน
โทนี่ กล่าวว่า เราต้องวิ่งเร็วเท่าไวรัส ต้องเข้าใจก่อนว่าวันนี้วัคซีนเรามีไม่เพียงพอ บางตัวที่มีบุคคลากรทางการแพทย์ คนที่ไปฉีดแล้วก็สงสัยว่าภูมิคุ้มกันต่ำ แถมเราใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบปกติทำให้ได้วัคซีนช้า ที่ผ่านมาจึงได้นำเสนอวิธีการจัดหาวัคซีนแบบไม่เป็นทางการ เช่น ยืมจากประเทศที่วัคซีนเหลือเยอะ และจะหมดอายุ ยกตัวอย่าง อิสราเอลจะหมดอายุ เกาหลีใต้ไปยืม ประเทศไทยก็น่าจะลองติดต่อไป ขอเร็วหน่อยได้หรือไม่
วันนี้เราฉีดเฉลี่ยกัน 200,000 – 300,000 ต่อวัน วันหยุดยังพักผ่อนฉีดได้แค่วันละ 90,000 คน และกระจายจุดฉีด ขยายจากสถานนีกลางบางซื่อเพิ่มออกไป ตั้งเป้าภายใน 3 เดือน ต้องฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 700,000-1,000,000 โดส ต่อวัน ซึ่งถ้าฉีดมากพอจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ใช้ทุกกลไกลที่มีไปหาวัคซีนมา ขอให้ต้นทุนมันต่ำหน่อย ถ้าจะเป็นทางเลือกให้คนซื้อ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ต้องไปดูว่าสั่งซื้อเท่าไหร่ ทำไมเราถึงต้องซื้อแพงกว่าคนอื่น
เรื่องต่อมา Rapid Antigen Test โทนี่ เล่าว่า ยุโรปขายในราคาหลักหลายสิบบาทไทย แต่บ้านเราวันนี้ 350 บาท บางยี่ห้อ 250 บาท รัฐบาลจะต้องทำให้ราคาถูก ให้คนซื้อไปตรวจเองที่บ้าน อย่างน้อยต้องนำเข้ามา 60-100 ล้านชิ้น การตรวจแบบ Antigen Test มี false positive ได้ ต้องไปยืนยันด้วย CPR Test อีกที ซื้อมาให้ตรวจฟรี คนจะไม่ต้องไปประสาทว่าจะเป็นไม่เป็น ที่จีนมีเยอะ เอาเข้ามาภายใน 30 วันให้ได้ กรณีนี้ควรทำให้เสร็จภายใน 30 วัน
“ในภาวะโรคระบาด รัฐจ่ายได้ต้องจ่าย คนไทยไม่เคยจนอย่างนี้มาก่อน ทุกอย่างต้องประหยัดให้ได้ ไม่จำเป็นอย่าเก็บเขาเลย เช่น 1668 ที่คนออกมาโวย แอพฯราชการทั้งหลายที่ใช้มันกินดาต้าเขา แต่โอเปอเรเตอร์สามารถร่วมมือกันได้ถ้าตังค์เขาหมด แอพฯตัวนี้ยังปล่อยให้ใช้ได้ งบที่ให้ กสทช. ไปตั้งเยอะแยะควรเอามาช่วยประชาชนฐานล่าง แจกซิมฟรีให้นักเรียนไปเรียนหนังสือที่บ้าน ให้ฟรีคนละร้อย และเสียค่าซิมคนละ 15 บาท คุยกับโอเปอเรเตอร์ใหม่ ออกกันคนละครึ่ง” โทนี่ ระบุ
จากนั้นก็พูดถึงเรื่อง Tracking หรือการติดตามประชาชน เมืองนอกใช้ QR Code ทุกวันนี้ไปศูนย์การค้า เมื่อมีเหตุมันก็จะไล่ได้เลยว่าคนนี้ไปไหนกันบ้าง ไม่ต้องมานั่งไล่ถาม ไม่กล้าพูดก็มี เดี๋ยวเมียรู้ก็มี เรื่องนี้ก็ต้องรีบทำ ต้องเสร็จได้ภายใน 2-3 เดือน
โทนี่ ได้มีการย้ำประเด็นการใช้พื้นที่ของค่ายทหาร และทุกทรัพยากรที่ทหารมี เพื่อสร้างและขยาย รพ. สนาม รวมถึง รถพยาบาลพยาบาลทหาร ฝ่ายเสนารักษ์ เอามาช่วยได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ศักยภาพของสาธารณสุขเต็มหมดแล้ว ต้องขยายให้เพียงพอ โดยอยากให้ทางรัฐบาลทุ่มงบให้มากกว่านี้ งบกลางก็มีอยู่ ในเมื่อกู้มาใช้เรื่องโควิดก็ใช้ให้เต็มที่ วัคซีนที่ได้มาก็มาให้ด่านหน้าก่อน
“ท่านนายก ใส่ PPE แล้วลงไปโรงพยาบาลสนามเลย ไปที่ รพ.สนามธรรมศาสตร์ก็ได้ ท่านจะได้รู้จริง จะได้เห็นว่าอะไรต้องทำ จะได้จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง อย่า Work From Home แต่ง PPE ลงสนามเลย ไปสองที่ รพ. ธรรมศาสตร์ที่หนึ่ง และแวะไปดูคิวฉีดวัคซีนที่ ศูนย์ฉีดกลางบางซื่อ ทุกวันนี้ออกันแน่นไปหมด ลงไปดูสองที่แล้วไปบริหารจัดการ ไม่ต้องไปกลัว ใส่ PPE หน้ากาก N95 และเมื่อไปดูให้เห็นของจริง จะได้รู้ปัญหาหน้างานจริง”
รวมทั้งยังได้มีการแนะนำให้รัฐบาลไทยไปสั่งจองยาของ Mers และยาฉีดของที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งอาจจะสามารถบรรเทาและรักษาโรคโควิดได้ในอนาคต ซึ่งขณะนี้กำลังจะมีการทดลองใช้งานจริง
โทนี่ กล่าวด้วยว่า 1 มกราคม ควรจะฉลองปีใหม่ไปสู่ New Normal เราต้องอยู่กับโควิดไปให้ได้ เพราะรัฐบาลมีความพร้อม ถ้าทำตรงนี้ได้ จะลดเสียงด่าลงไปบ้าง ทุกวันนี้มีเพลงแต่งให้เยอะ ตนขอเตือนในฐานะที่ห่วงใยประชาชน ตนแก่กว่าท่านนายกฯ รู้ว่าอะไรทำมาเป็นประโยชน์ จากนี้ไป ถึงสิ้นปี ประเทศไทยต้องพร้อมกลับเข้าสู่ New Normal ให้ได้
ในแง่หนึ่ง รัฐเยียวยาไม่ทั่วถึง เห็นทุกข์ของประชาชนไม่เท่ากัน และประเทศเราจนแล้ว เลียนแบบประเทศร่ำรวยไม่ไหว ซึ่งหากเยียวยาไม่ไหว ก็ทำให้กลับไป new normal ให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น นักรบทางเศรษฐกิจจะง่อยกันหมด จะไม่มีประชาชนหาเงินมาเสียภาษีให้ ต้องให้นักรบทางเศรษฐกิจกลับไปมีกำลังสู้ใหม่
“สรุป ขั้นตอนที่ต้องทำวันนี้ คือเรื่องแรก วัคซีน เรื่องที่สอง เรื่องการตรวจ เรื่องที่สาม สถานที่รักษา เรื่องที่สี่ เรื่องการสั่งยา เรื่องที่ห้า คือการดูแลการเยียวยาอย่างทั่วถึงให้คนกลับไปกลายเป็นนักรบเศรษฐกิจ เสียภาษีให้ได้”
นอกจากนี้ โทนี่ได้เสนอเพิ่มอีกข้อ คือรัฐบาลมีผู้ที่อธิบายขั้นตอน อธิบายปัญหาได้ค่อนข้างจะแย่ ลองพูดคุยกับ คอลเซ็นเตอร์ โอเปอเรเตอร์ทุกค่ายโทรศัพท์มือถือ ถ้าเราขอความร่วมมือเขา แล้วให้ชาวบ้านไปถามจากช่องทางเหล่านี้ชัดเจนกว่า เพราะพวกนี้อบรมวิธีการตอบมาตอบได้ดีกว่า ทุกวันนี้สับสนจนผมสงสารชาวบ้าน วันนี้รัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากเอกชน อย่างชินแต่การออกคำสั่งแบบที่เป็นอยู่
ระหว่างร่วมเสวนาครั้งนี้ นายธีรัตถ์ รัตนเสวี พิธีกรผู้ดำเนินรายการ ได้ถามคำถามจากทางบ้าน ว่าอีกไม่นานจะเป็นโอกาสครบ 15 ปี รัฐประหาร อยากให้คุณโทนี่ ช่วยเล่าบรรยากาศในวันนั้น โดยโทนี่กล่าวว่า ตอนที่อยู่นิวยอร์ก ตอนเช้า ก็คือหัวค่ำบ้านเรา ผมนั่งกินข้าวอยู่กับลูกของทรัมป์ โดนัลด์ อิวังกา อีริก เพราะเขาสนใจจะลงทุนในไทย เขากลับไปก็ปฏิวัติเลย
แต่วันนั้นก่อนนอน ก็ประชุม ครม. ผมตั้งคำถามกับ เสธ.ทบ. เขาก็ตอบแบบกวนๆ ผมว่าก็ไม่ค่อยจะดี เลยสั่งให้ ดร.ชิดชัย (ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ) กับ หมอพรหมินทร์ ( นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ) ให้ไปเอาร่างสถานการณ์ฉุกเฉินออกมา ผมเซ็นทิ้งไว้ด้วย ปรากฏว่า พอเอาไปอ่าน มิ่งขวัญโดนจี้ อ่านได้ครึ่งเดียวก็จบ ก็มีการเข้าเฝ้าฯ ก็เลยทำให้เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้
“วันรุ่งขึ้น ผมจะขึ้นเครื่องบินกลับ เขาไม่ให้ขึ้น เขากลัวผมกลับเข้าไทย ถ้าผมกลับเสร็จผมแน่ ผมโดนลอบยิงตั้งหลายครั้งยังไม่ตาย ไม่กลัว พอเข้าไม่ได้ ก็โทรหาเพื่อนผม ก็ว่าเครื่องบินไออยู่นี่ จะไปไหนก็บินไปได้เลย ก็เลยลองดูว่ายังไม่ไปไหน พอผมบอกจะไปลงอังกฤษ ก็ไปได้ ก็ค้นใหญ่เลย ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
โทนี่ เล่าต่อว่า หลังจากนั้น ก็มีการบุก ไปตรวจ ไปค้น ที่นั่นที่นี่ เลยโทรไปหา เลขา คมช. ว่านี่ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง จะบุกกันแบบนี้เลยหรอ เขาจะบุกเข้าบ้านผม ผมก็บอกว่า ถ้าบุกเข้าบ้านผม ผมก็ยิงเลยนะ ผมก็มีทหารในบ้าน ก็เลยหยุด ไม่ได้เข้าไป ผมเป็นลูกผู้ชายอะ จบเป็นจบ
“บางคนถามผมว่า ทำไมไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ต้องเข้าใจว่า รัฐบาลพลัดถิ่น สมัยนี้กับสมัยก่อน ไม่เหมือนกัน ผมไม่อยากให้เยิ่นเย้อ นึกว่าปฏิวัติแล้ว จะทำอะไรที่ฉลาดๆ แต่กลายเป็นว่า ก็โง่จนถึงทุกวันนี้” ก่อนที่โทนี่ จะทิ้งท้ายว่า ตอนแรกผมจะกลับ ผมยังโทรบอกสนธิ ว่าท่าน ผบ. ผมลูกผู้ชาย จบเป็นจบ แต่อย่ากลั่นแกล้งผมทางการเมือง ผมไม่มียอม ท่านยังครับผมๆ อยู่เลย”
ช่วงหนึ่ง มีคำถามจากผู้รับฟังทางคลับเฮาส์ ระบุว่า มีคำถามมาว่า “ใน twitter มีการถล่มพี่โทนี่อยู่ว่า สู้ไปกราบไป เป็นรอยัลลิสต์ รวมถึงเรื่องการแก้ไขและยกเลิก ม.112 ในอดีต ซึ่งเคยปรากฎในเอกสารต่างๆ โดยถามว่า จุดยืนของพี่โทนี่ตอนนั้นกับตอนนี้ ยังเหมือนเดิมไหม?”
โทนี่ ตอบประเด็นนี้ว่า ผมเป็นนักเรียนนายร้อย เรียนเตรียมทหารมา จะให้ผมเป็นคนอีกประเภทหนึ่ง ผมคงไม่ใช่ ผมเป็นคนที่อยู่กับระบบและเคารพระบบ แต่ระบบที่ไม่ดีและมีปัญหา ต้องนำไปสู่การแก้ไข ผมเป็น ‘นักแก้ไขเปลี่ยนแปลง’ มากกว่า ‘นักปฏิวัติ’ (นักทำรัฐประหาร) ผมจะเปลี่ยนแปลงด้วยสมอง ผมจะไม่เปลี่ยนแปลงด้วยกำลัง
ถ้าในอนาคตจะมีอะไรที่ผมทำเพื่อประเทศได้ในภายภาคหน้า ชาติต้องมาก่อน ‘ชาติคือประชาชน’
ส่วนอย่างอื่นเป็นส่วนประกอบ เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน คนต้องยอมเปลี่ยน ผมฝากเด็กรุ่นใหม่ more for less, less for more อย่าใจแคบ การเป็นคนที่ใจแคบจะไม่ได้อะไรเลย ถ้าใจกว้างโอกาสเติบโตจะมีสูง ใครอยู่ในหน้าที่อะไรก็ตาม ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงมันพังหมด You have to change before you are forced to change ผมคิดว่าคนในทุกระดับ ทุกองค์กร ทุกอำนาจ ต้อง plan your own change ไม่เช่นนั้นจะเปลี่ยนไม่ได้ดี
นั่นคือมุมมอง คือการแชร์ประสบการณ์ รวมทั้งการแนะนำของคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้งหนึ่ง
และก็เป็นเช่นทุกครั้ง ที่ก่อให้เกิดความสนใจ ก่อให้เกิดกระแสการตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงขั้น ไปจินตนาการกันไปไกลถึงการกลับเข้ามายังประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อที่จะแก้ไขวิกฤตที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่
ปรากฏการณ์เหล่านี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และบรรดาคนรอบข้าง ควรที่จะต้องฟังแล้วคิด วิเคราะห์ แยกแยะให้เป็น ไม่ใช่คิดแต่จะตอบโต้ หรือพยายามที่จะดิสเครดิต เพราะพิสูจน์แล้วว่า วิธีการดังกล่าวไม่ได้ผล ไม่ได้มีประสิทธิภาพเพียงพอ
ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า คนชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดเป็นหรือไม่เท่านั้น
เพราะต้องไม่ลืมว่า ตอนนี้กระแส “คลับเฮาส์” ของกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อนไทย ทุกวันอังคารเว้นอังคาร นั้นปลุกติดแล้ว
การขายความคิด ข้อแนะนำ และเสนอตัวเพื่อช่วยสังคมไทยที่กำลังวิกฤตของ ทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซั่ม สะเทือนถึง ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะในเวลาที่เกิดวิกฤตศรัทธาต่อผู้นำรัฐบาลเช่นนี้
กรศิริ