
วิเคราะห์ : จับตา ‘โทนี่ วู้ดซัม’ เปิดเกม ปฏิกริยา ‘กล่องสุ่มของขวัญการเมือง’


การออกมาพูดใน ClubHouse ของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่แล้วสำหรับทุกวันนี้ เนื่องจากว่าหากนับเวลาย้อนกลับไปเมื่อ กุมภาพันธ์ 2564 ก็เกือบจะครบรอบ 1 ปีแล้ว สำหรับปรากฏการณ์ โทนี่ วู้ดซัม ในโลก ClubHouse
โดยวันแรกของปรากฏการณ์ โทนี่ พูดในหัวข้อ “ไทยรักไทย ใครเกิดทัน มากองตรงเน้’ เป็นการเปิดตัวในชื่อ @tonywoodsome ส่งผลให้มียอดผู้เข้าฟังเต็ม 8,000 คนอย่างรวดเร็ว และยังถูกถ่ายทอดเสียงมากกว่า 9 ห้อง เท่ากับว่ามีผู้รับฟังสดๆ รวมกันกว่า 7.2 หมื่นคน
จากนั้นก็ยาวมาตลอด โดยมีกลุ่มผู้เข้าร่วมอย่างเหนียวแน่น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา อดีตนายกฯทักษิณ หรือ โทนี่ วู้ดซัม ได้ร่วมพูดคุยใน CARE Talk x CARE ClubHouse ชื่อตอน “ถอดบทเรียนสึนามิเพื่อกู้วิกฤติโควิด ประเทศจะรอดผู้นำต้องฉลาดจริงไหม?”
ในช่วงหนึ่ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ถามมุมมองต่อการเมืองในปี 2565 อย่างไร ?
นายโทนี ตอบว่า “ผมคิดว่า ถ้าให้นายกฯตู่ มองว่าตัวเองบริหารไม่ได้ คงรอต้องให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก แล้วตกทางทิศตะวันออก เพราะคงไม่ยอมรับแน่นอน ท่านยังภูมิใจมั่นใจว่า ท่านแก้ปัญหาไปได้เยอะเลย แต่ท่านไม่ได้คิดว่า ชาวบ้านเดือดร้อน ถ้าท่านไปถามคุณเจริญ (สิริวัฒนภักดี) คุณธนินท์ (เจียรวนนท์) ก็คงได้ตำคอบว่าดีมาก ยอดเยี่ยม แต่ถ้าเดินถามตาสีตาสา ระหว่างการเดินเยี่ยมโดยที่ไม่มีคนเชียร์แขกคอยเชียร์ ท่านจะรู้ว่าคนเดือนร้อนเยอะ พอท่านไม่รู้ตรงนี้ เพราะไม่มีคนกล้าบอก ท่านก็เลยคิดว่า ตัวเองแก้ปัญหาได้ ถึงเวลาตังค์ไม่มี งบขาดดุลก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกู้เอา ซึ่งมันง่าย แต่ระยะยาวทิ้งภาระให้ลูกหลานมโหฬารเลย
“ถ้านายกฯตู่หมดอำนาจไป ท่านจะเห็นเลยว่า สิ่งที่จะตามมาคือหนี้ประเทศจะสูงขึ้น หนี้ประชาชนก็จะสูงขึ้นด้วย เพราะว่า การทำมาหากินไม่ดี อันนี้คือสิ่งที่จะเป็นชะนักท่าน ถามว่า ถ้าท่านไม่ลาออกแล้วทำไง ผมคิดว่า ในพลังประชารัฐคงจัดการท่านเอง เพราะพลังประชารัฐมีหลายกลุ่มที่บางทีเริ่มไม่มองหน้ากัน จากปัญหาที่มาจากกล้วย” โทนี่ ระบุ
“วันนี้ท่านนายกฯคงคิดว่า การแก้ไขประเทศมันง่าย การแก้หนี้ชาวบ้านมันง่าย ผมว่า แก้ไม่เป็นหรอก ถ้าให้ท่านแก้ตามแนวทางท่านก็เหมือนกับชีวิตทหาร เป็นหนี้สโมสร กินข้าว กินเหล้า พอเงินเดือนออกก็หักเงินเดือนจ่าย แต่ชีวิตชาวบ้านมันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะเขาไม่มีเงินเดือนแบบทหาร ผมเห็นใจนะเวลาคนเป็นผู้นำ มันเป็นเรื่องดีครับท่าน ถูกครับนาย นายหล่อจริงๆ ทั้งๆที่หนังเหี่ยวฉิบหายแล้ว นี่เป็นจุดอ่อนของสังคมไทย บางทีกลับไปบ้านต้องให้ลูกเมียเอากระจกให้ดู เพราะนั่นเป็นกระจกที่แท้จริง เราจะรู้ว่าจริงๆประชาชนคิดอย่างไร แล้วก็อย่าหงุดหงิดกับลูกกับเมียแล้วกัน ถ้าเขาจะตำหนิ” โทนี่ กล่าว
สำหรับเรื่องการรับมือสถานการณ์โควิดโอไมครอน โทนี่ ได้กล่าวว่า “เราต้องรู้จริงว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องถามคนรู้จริงถึงจะแก้ปัญหาได้ เหมือนตอนสึนามิที่ผมไม่รู้จักเลยว่า มันคืออะไร จึงได้ถามนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งถือเป็นคนรู้จริง อย่างโควิด หมอบางทีก็รู้ไม่จริง จำเป็นต้องเอานักวิทยาศาสตร์มาประกบ มาช่วยกันคิด วันนี้ในเรื่องโควิดส่วนตัวพอจะสรุปได้ เพราะโดนด้วยตัวเอง เจอตอนเชื้อยังดุ โดนตอนมาใหม่ๆ เหมือนต้นน้ำ น้ำแรงมาก พอไม่รู้วิธีดูแลรักษา โดยเฉพาะ คนแก่ คนอ้วน คนเปราะบางทั้งหลายตอนแรกๆ ถึงเสียชีวิตเยอะ แต่พอมันกลายพันธุ์มาเรื่อยๆ ก็เหมือนกอริลลา เป็นอุรังอุตัง จนเป็นชะนี เป็นลิงไปแล้ว เริ่มไม่ดุ เหมือนโควิดโอไมครอนวันนี้ ผมเข้าใจว่าน่าจะปลายทางของไว้รัสโควิดแล้ว จึงอยากแนะนำว่า อย่าไปตกใจมาก ถามว่าทำไม อเมริกา ยุโรป ตัวเลขผู้ติดเชื้อเยอะ เพราะทุกคนตกใจ วิ่งไปขอตรวจ พอตรวจเยอะก็เจอเยอะ”
“ตอนนี้ที่อเมริกา อังกฤษ เป็นคริสต์มาส พี่น้องเจอกัน ก็ตรวจกันใหญ่ไปเจอพี่น้อง ก็เจอโอไมครอน ผมคุยกับหมอที่อังกฤษ เขาเรียกโอมิครอนว่า เป็นหวัดอ่อนๆ อาการน้อยกว่าหวัดธรรมดาอีก คนตายน้อย เหมือนคนตายจากไข้หวัดธรรมดาที่มีคนตายทุกปี จากคนที่มีสุขภาพเปราะบาง ดังนั้น คนที่เปราะบางต้องระวัง เชื้อจะเข้าทางจมูกมากกว่าที่อื่น จึงต้องใส่หน้ากาก อย่าไปกลัวมัน โอมิครอน 5-6 วันก็หาย มีไข้อ่อนๆเท่านั้น ไอไม่มาก” โทนี่กล่าว
โทนี่ ยังกล่าวด้วยว่า “อย่างไรก็ตาม หลายประเทศตกใจโอมิครอนจึงปิดประเทศกัน ผมอยากให้ประเทศไทยปรับเข้าสู่นิวนอร์มอลได้แล้ว ต่อไปโควิดจะอยู่แบบโอมิครอน ดังนั้น เราต้องเตรียมเข้าสู่ความปกติใหม่ วันนี้ท่านนายกฯไม่รีบปรับเศรษฐกินพัง เพราะเราต้องอาศัยนักท่องเที่ยว เขาอยากเที่ยว มีไม่กี่ประเทศที่เปิด อย่าลักปิดลักเปิด ต้องศึกษาให้ดี โอมิครอนมันเชื่อง ไม่ดุร้าย ต้องให้ทุกคนใส่หน้ากากป้องกันตัวเอง แล้วก็หาวัคซีน mRNA มาเพิ่ม แล้วก็ยารักษาโควิดด้วย วันนี้ลาวได้สิทธิพิเศษผลิตยา เพราะเป็นประเทศยากจน แต่เราจนก็ไม่จน เจ้าสัวติดอันดับเพียบ รวยก็ไม่รวย แนวโน้วจะมีคนชั้นกลางที่กำลังจะตกเป็นคนชั้นล่างเยอะจากโครงสร้างที่เปลี่ยนไป ทั้งหมดอยู่ที่ศิลปะในการเจรจารัฐมนตรีการต่างประเทศ กับรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขต้องกอดคอกันไปเมืองนอก เอาเครื่องบินส่วนตัวของรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขไปก็ได้ คุยกับสิงคโปร์ก่อนใกล้ๆ สั่งมาเยอะ ขอแบ่งมาใช้ ขอลาวก็ได้ มาช่วยอีสานก่อนเลย
“ผมคิดว่าต่อไปน่าจะเบาลงแล้ว มันคงไม่กลัวไปแบบกอริลลาแล้ว คงเป็นลิง อยู่กะเราต่อไปแน่นอน แต่อยู่กะเราอย่างเชื่องขึ้น ดังนั้น ให้นักเรียนกลับไปเป็นนักเรียนเถอะ ให้นักศึกษาได้เรียนหนังสือ ไม่ต้องคนละครึ่งแล้ว เพราะคนมีตังค์ได้ประโยชน์ คนไม่มีตังค์ไม่มีคนละครึ่งมาสมทบหรอก” โทนี่ระบุ
มีผู้ถามว่า มีคำพูดทำนองโทษประชาชน อ้างว่ารัฐบาลทำเต็มที่แล้ว คนเห็นแก่ตัวทำติดเชื้อ อย่างที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกนั้น
โทนี่ ตอบว่า “ถ้าฟังผมดีๆ คิดแก้ปัญหาไม่ได้เล่นการเมือง ต้องปรับไปสู่นิวนอร์มอลได้แล้ว มันอ่อนกว่าไข้หวัดอีก เป็นหวัดแบบเบาๆ คอก็ไม่เจ็บ มีไข้นิดหน่อย วันสองวันก็เกลี้ยง หายใน 5-6 วัน ไม่มีอะไรเลย อย่าไปตกใจ ทุกวันนี้มีเบื้องหลังเป็นบริษัทยาทั้งนั้น เพราะข่าวมันสร้างความกลัว พอได้แล้วเรื่องสร้างความกลัว มาสร้างความรักเถอะ คืนชีวิตปกติให้ประชาชน 2 ปีแล้วที่เขาทนทุกข์ทรมาน ที่ผ่านมามันทำให้อนาคตในวัยไหนก็ตามแย่ลงเยอะ ลองฟังผมดีๆ นะ ไปเปิดฟังทวน บอกคุณอนุทิน กับ คุณประยุทธ์ ลองคุยให้ดี แล้วอย่ามาเถียงว่าไม่รู้จริง ถ้ายังยืนยันว่าโอมิครอนมันดุมาก งั้นผมก็สาธุ ไปเถอะ”
กับคำถามกรณีที่รัฐบาลเตรียมจะพิจารณายกเลิก “Test and go” โดยไม่มองมิติทางเศรษฐกิจเลยนั้น โทนี่ ตอบว่า “ถ้าให้รองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ดูแลเศรษฐกิจ และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แล้วก็ให้รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดูแลงานด้านสาธารณสุข แบบลองไขว้กันดู แล้วเขาจะเห็นใจซึ่งกันและกันมาก จะทำให้แก้ปัญหาร่วมกันได้ดี วันนี้คุณอนุทินรู้เรื่องเศรษฐกิจดี โธ่ เป็นนักธุรกิจมาทำไมจะไม่รู้ เพียงแต่ไม่ได้คุมเรื่องเศรษฐกิจ เขามุ่งสู่เป้าหมายขององค์กรตัวเองเป็นหลัก แต่องค์กรใหญ่เดือดร้อน
“ต้องขอบคุณที่โอมิครอนมาแทนเดลต้า เพราะเป็นปลายทางของการกลายพันธุ์แล้ว เมื่อโอมิครอนมาแล้วมันก็ควรจะเข้าสู่นิวนอร์มอลได้แล้ว ฉะนั้น ประเทศไหนจะฉลาดจะโง่ก็ช่างเถอะ แต่ 3 เดือนจากนี้ เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายนจะเห็นการยูเทิร์นของหลายประเทศ แล้วในที่สุดทุกคนจะต้องกลับไปสู่นิวนอร์มอล เพราะฉะนั้นประเทศที่ขี้กลัวก็อาจจะใช้เวลาตัดสินใจ แต่ในครึ่งปีแรก ผมคิดว่า มันควรจะจบคำว่าโควิดแล้ว นอกจากนั้นมันก็เป็นเรื่องอยู่กับมันอย่างปกติที่ไม่อันตราย แต่คนเปราะบางต้องฉีดวัคซีน MRNA ระมัดระวังอย่าไปที่คนเยอะ ถ้าไปก็ใส่หน้ากาก 2 ชั้นจะได้ปลอดภัย ดังนั้นใครไม่นิวนอร์มอล ประชาชนก็ต้องเริ่มนิวนอร์มอลได้แล้ว ไม่งั้นใช้ชีวิตไปต่อยาก” โทนี่กล่าว
ขณะที่ได้มีผู้เข้ามาฟัง สอบถามถึงประโยชน์ของโครงการเราชนะ และคนละครึ่งของรัฐบาลว่า ขอถามคำถามโง่ๆ ว่าเงินคนละครึ่ง เราชนะ มันมาจากไหน พวกผมได้ประโยชน์จริงหรือ เพราะผมก็ใช่ ได้รับเงินคนละครึ่งทุกเฟสเลย ?
โทนี่ตอบว่า ก็เงินกู้ไง เขากู้มา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้โควิด ส่วนหนึ่งที่ใช้ไอเดียนี้ มาจากสมัยที่ สี่กุมารยังอยู่ แต่ไม่รู้ว่ากุมารโตคลอดลูกหรือยัง เป็นไอเดียที่ พล.อ.ประยุทธ์สนใจ จึงใช้ต่อ แต่จริงๆ ไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจเท่าไหร่ คนมีตังค์ได้ประโยชน์ คนไม่มีตังค์เขาไม่ได้เท่าไหร่ เพราะคนไม่มีเงินจะสมทบก็มีเยอะ อีกทั้งยังไม่ทั่วถึงด้วย น่าจะใช้เงินส่วนนี้มาสร้างเศรษฐกิจตัวอื่น โดยเฉพาะฐานราก ถ้าฐานรากเดิน ทุกอย่างก็เดินได้ หมุนได้หลายรอบกว่า อันนี้หมุนได้รอบเดียวมันน่าเสียดาย รัฐไม่มีไอเดียใหม่ๆ
ที่สำคัญ โทนี่ ได้มีการให้กำลังใจคนไทย ในช่วงหนึ่งด้วยว่า “ในปี 2565 ขอให้คนไทยใช้ความอดทนใน 1 ปีที่ผ่านมา เป็นจุดแข็งให้ อดทนต่อไปปีครึ่งปี แล้วเตรียมตัวให้ดีตั้งแต่วันนี้ เพราะผมเชื่อว่าครึ่งปีหลัง ถ้าเศรษฐกิจฟื้นท่านจะมีโอกาสได้ประโยชน์นี้อย่างไร ส่วนตัวอยากอวยพร แต่ไม่รู้อวยพร หรือเป็นการสาปแช่งคนที่ไม่ชอบหน้าผมหรือเปล่า เพราะจะขออวยพรให้ผมได้กลับบ้าน ให้ไปช่วยงาน เพราะส่วนตัว อยากเลี้ยงหลาน เวลาที่เหลือ ใครเป็นรัฐบาลก็ช่าง ถ้าอยากให้ช่วยคิดแก้ปัญหาให้ ผมพร้อมไม่คิดตังค์ รับจ้างบรรยายให้โอเลี้ยงแก้วหนึ่งก็พอ แล้วจะไปชวนบรรดาเศรษฐีในเมืองไทย มาร่วมลงขันส่งเสริมทำสตาร์ทอัพ เพราะวันนี้กลัวเขาถูกกลืน มาลงขัน เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ ใครมีไอเดียอะไรถ้าไม่ได้เรื่องให้ไปทำมาใหม่ ถ้าได้เรื่องได้ตังค์ไป และ จะทำแอพพ์ช่วยชาวบ้าน ให้แท็กซี่ ให้คนหางาน และช่วยเหลือโฮมสเตย์ ทำพวกนี้เล่นๆสนุกช่วยให้คนจนให้มีแพลตฟอร์ม ไม่ใช่ให้ต่างประเทศมาเสียบเรา”
“อะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ ผมปาวารณาตลอด ในเรื่องของพุทธศาสนา ผมอยากเห็นศาสนาเราเข้มแข็ง วันนี้ค่อนข้างจะเป๋ ผมอยากช่วย คนด่าผมไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว ผมไม่ด่ากลับหรอก ผมจะกลับไปอย่างสันติ ผมจะเปลี่ยนชื่อเป็นสันติก็ยังไงอยู่ แต่ให้รู้ว่า กลับไปไม่เป็นปัญหากับคนไทยแน่ แต่จะเป็นประโยชน์ จะให้ไปชนกับผู้นำประเทศไหน เจรจาทางลับทำได้หมด ผมมีน้ำยา สั่งกินบ่อย สัปปะรดก็มี ทั้งน้ำยาสัปปะรดพร้อม ก็หวังว่าปีนี้ 65 ผมจะเป็นของขวัญให้คนไทย กลับไปรับใช้คนไทย ยืนยันไม่เป็นภาระแน่นอน ผมจะไปเลี้ยงหลาน ซึ่งเป็นเจนอัลฟ่า เพื่อไปบอกเขาว่า จะต้องเจออะไรบ้าง แล้วก็จะเผื่อแพ่ให้ลูกหลานคนเจนนี้ด้วย แล้วจะกลับไปเป็นเพื่อนตีกอล์ฟกับคุณประยุทธ์ได้ แม้จะตีไม่เก่งเท่าก็ตาม ส่วนจะไปเมื่อไหร่ ช่วงไหนของ ผมจะกระซิบน้องอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร คนเดียว ให้เป็นคนบอกต่อ” อดีตนายกฯทักษิณ หรือ โทนี่ กล่าว
แน่นอนว่า การประกาศขอให้ได้กลับประเทศในปีนี้ ถือเป็นประเด็นร้อนที่สุดของการพูดในคืนวันนั้นเลยทีเดียว ชนิดที่ประเด็นอื่นๆ กลายเป็นรองไปหมด เพราะโฟกัสทางการเมือง มุ่งไปที่ประเด็นการกลับมาไทยของโทนี่
บรรดาคู่ปรับทางการเมือง อย่าง วรงค์ เดชกิจวิกรม หรือแม้แต่อดีตคนเคยรักเคยรับใช้ อย่างแรมโบ้อีสาน ก็ยังออกมาเปิดประเด็นแรงโต้กลับ ว่า กลับได้ แต่ต้องกลับมารับโทษก่อน
ถือเป็นปรากฏการณ์เขย่าบรรยากาศการเมืองกันตั้งแต่ต้นปี 2565 เลยทีเดียว
ซึ่งในแวดวงการเมือง มีการตั้งประเด็นสงสัยว่า ระหว่างรัฐบาลประยุทธ์ ไปไม่รอด กับ อดีตนายกฯทักษิณ กลับไทย จะเกิดขึ้นในปี 2565 จริงหรือๆไม่ และอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน
แต่ที่แน่ๆ การออกมาพูดแบบนี้ไม่เพียงทำให้การเมืองเพ่งเป้าไปที่ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ว่าเป็นคนที่จะรู้เรื่องนี้เป็นคนแรก
ก็เลยเริ่มมีจินตนาการทางการเมืองเกิดขึ้นว่า แบบนี้จะเข้าข่ายร้องพรรคเพื่อไทยอะไรได้อีกหรือไม่
เพราะหากดูในตอนนี้ คดีร้องให้ตรวจสอบเพื่อพุ่งเป้ายุบพรรคเพื่อไทยมีไม่รู้กี่คดีต่อกี่คดีแล้วจริงๆ
กรศิริ