![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/06/แก้ปัญหาคอม.jpg)
วินทุกเว(ที)รวมการเฉพาะกิจ EP33 อนุรี อนิลบล เล่าเรื่องจริงไม่อิงนิยาย…ไม่มีความสำเร็จใดที่ยั่งยืน หากเกิดจากการ “เนรคุณ” (ตอน 4) อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 400 วันที่ 6-12 ต.ค.66
![วินทุกเว(ที)รวมการเฉพาะกิจ EP33 อนุรี อนิลบล เล่าเรื่องจริงไม่อิงนิยาย…ไม่มีความสำเร็จใดที่ยั่งยืน หากเกิดจากการ “เนรคุณ” (ตอน 4) อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 400 วันที่ 6-12 ต.ค.66](https://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2023/10/1-17.jpg)
![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/Nishikawa_Banner728x90px.gif)
อีบุ๊กบางกอกทูเดย์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 400 วันที่ 6-12 ตุลาคม 2566
หน้า 33 คอลัมน์วินทุกเว(ที) EP33 อนุรี อนิลบล
ไม่มีความสำเร็จใดที่ยั่งยืน
หากเกิดจากการ “เนรคุณ” (ตอน 4 )
มาถึงตอนที่ 4 ตอนสุดท้ายในประเด็น…ไม่มีความสำเร็จใดที่ยั่งยืน หากเกิดจากการ “เนรคุณ”..ของรวมการเฉพาะกิจหรือซีรีส์ทีมโค้ช “วินทุก(เว)ที Ways to Win” โดย “อ.ปุ๋ย-อนุรี อนิลบล” จะเป็นผู้ปิดท้าย โดยจะเป็นการผสมผสานระหว่างประสบการณ์ตรงกับประสบการณ์จากคนรอบตัว ขอเริ่มเลยดังนี้
“มีคนถามว่า ทำไมชอบทำดีกับหมา เคยทำดีกับคนแล้วมันกัด” ชอบประโยคนี้มาก ไม่รู้ว่าเป็นของใคร โดนใจสุด ๆ ปกติเราจะชอบเป็น “ม้าอารี” ใครขอความช่วยเหลืออะไร หากไม่ลำบากลำบนอะไร จะช่วยหมด หลายครั้งไม่ใช่เรื่องของเราเลย คือเป็นตัวเชื่อมหรือประสานงานให้ชาวบ้านเขาว่าอย่างนั้นเถอะ
ซึ่งนิสัยส่วนตัวคือ เวลาที่ช่วยเหลือใครแล้วจะไม่ทำแบบขอไปที จะ “ร้องสุดคำ รำสุดแขน” แถมยัง “เต้นสุดขา” อีกต่างหาก โดยไม่ร้องขอผลประโยชน์ตอบแทนแม้แต่น้อยว่า ช่วยแล้วต้องมีใต้โต๊ะนั่น นี่ โน่น เว้นแต่จะเกี่ยวกับการขอสปอนเซอร์จากบริษัทที่เราเคยบริหารงานอยู่ ซึ่งมีเงื่อนไขเบสิก อาทิ ติดโลโก้ ประกาศชื่อผลิตภัณฑ์ของเรา มอบป้ายของรางวัล ถือผลิตภัณฑ์โชว์บนเวที เป็นต้น
จะว่าไปแล้วเราช่วยเขาสิบครั้งแต่ไม่เคยจำ ครั้นพอไม่ช่วยเขาแค่ครั้งเดียว เขาจะจำใส่ใจครั้งที่เราไม่ช่วย (เอาไปว่าเราใจดำ) เพราะเราไม่สามารถอยู่ในสถานะที่จะช่วยเขาได้ทุกเรื่องหรอก และหลายครั้งผลแห่งการช่วยเหลือย้อนกลับมาทำร้ายเราและบริษัทให้เกิดความเสียหาย หลัก ๆ เช่น
1. รับปากแล้วจากไป : ตอนมาขอความช่วยเหลือพินอบพิเทาน่าดู โดยเฉพาะเวลามาขอสปอนเซอร์ ไม่มีความเกรงใจ ขอชนิดที่ว่าจะเอาไปเปิดเคาน์เตอร์เครื่องสำอางหรืออย่างไร พอเราพิจารณาให้ตามความเหมาะสม ก็เอาเราไปนินทาลับหลัง งกบ้าง กั๊กเอาไว้ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวบ้าง รวมถึงตกลงกันว่า จะโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้สารพัดวิธี สุดท้ายไม่เหมือนที่คุยกันไว้ พอเราขอภาพเพื่อจะต้องทำรายงานส่งให้บริษัทก็ไม่มีอะไรให้สักอย่าง ถึงแม้มีให้แต่ก็ไม่นำพา เราถูกบริษัทตำหนิอีกต่างหาก พอเราว่าไปหาว่าเรื่องเยอะ ก็ขึ้นบัญชีดำกันไป แต่ที่ดีก็ดีใจหายนะ
2. ไร้ร่องรอย ปล่อยหายวับ : ทำจดหมายจากต้นสังกัดมาเป็นเรื่องราว ระบุการขอความช่วยเหลือ จำนวนผลิตภัณฑ์เท่านั้นเท่านี้ เพื่อเป็นของรางวัลให้กับผู้ได้รับตำแหน่งการประกวด กรรมการตัดสินการประกวด เป็นต้น เราก็อนุมัติให้ไป ทั้งผลิตภัณฑ์ ป้ายรางวัล ป้ายโลโก้ติดบนเวที พร้อมนัดวันมารับเสร็จสรรพ พอถึงใกล้วันประกวดโทร.มาแจ้งว่า ของทุกสิ่งอย่างหายหมดเกลี้ยง จะขอใหม่อีกครั้ง แม่เจ้า! งานเข้าเลยทีนี้ เราตอบปฏิเสธไป มาหาว่าเราเขี้ยวอีกต่างหาก แต่แว่วมาว่า ทีมงานเอาไปใช้กันเอง คราวหลังจึงวางมาตรการใหม่ ให้มารับก่อนวันจริง 1 วัน
3. สายลับจับโป๊ะใหญ่ : เคยเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ให้กับเวทีประกวดใหญ่เวทีหนึ่ง หลังงานเราเช็คกับเด็กที่ชนะเลิศ ผลปรากฏว่า ไม่ได้รับวอยเชอร์รางวัลมูลค่า 1 แสนบาท แต่ทางกองประกวดยึดเอาไปใช้เฉยเลย จึงขอระงับวอยเชอร์ดังกล่าว แล้วออกใบใหม่ให้ตัวเด็กมารับเองที่บริษัท ทางกองประกวดยังมาตีหน้าซื่อถามว่า ทำไมวอยเชอร์ใช้ไม่ได้ เลยจัดให้ไปชุดใหญ่ไฟกะพริบ ก็เอาเราไปเมาธ์ว่ามีนอกมีในกับเด็กซะงั้น
4. ไม่ให้เกียรติเสียดแทงเกิน : เคยเป็นสปอนเซอร์ให้กับเวทีประกวดใหญ่ที่ผลิตศิลปินนักแสดงมากแล้วมากมาย หนึ่งในเงื่อนไขคือ ตั้งถุงเซ็ตผลิตภัณฑ์ไว้บนโต๊ะกรรมการตัดสิน ปรากฏว่า ก่อนงานจะเริ่มมีผู้บริหารเลือดร้อน (ตอนนี้มีคดีติดตัวมากมาย) เดินมาเอามือปัดทิ้งเกลี้ยงโต๊ะเลย แถมด่าประมาณว่า เอามาวางเกะกะทำไม ? ทีมงานต้องมาเล่าและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะงานนี้เรามาเป็นกรรมการตัดสินเหมือนกัน (แต่มาหลังเหตุการณ์จะเกิดขึ้น)
5. เหยียบหัวเพลินจะเหินฟ้า : ส่วนกรณีไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่เกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ซึ่งมีน้องมาขอทำงานด้วย (เราก็รู้จักน้องคนนี้ด้วย) เพราะตอนนี้ตกงานลำบากลำบนเหลือเกิน เพื่อนจึงสงสารให้โอกาส(เต็มที่)ได้ร่วมทำงานด้วยกัน โดยให้เป็นถึงหัวหน้าแผนก ผลปรากฏว่า ไม่ทันไรก็เหยียบหัวเพื่อนเรา แทงข้างหลังจนพรุนแล้วพรุนอีก แถมยังบอกว่า ไม่เอาเพื่อนเรา เพราะทำงานด้วยแล้ว (โกงบริษัท)ยาก แล้วยังเดินหน้าสร้างความเสียให้หายกับองค์กรไปเรื่อย ๆ ก็ว่ายิ่งกว่า “ชาวนากับงูเห่า” อีกนะ
6. ได้มาคืบจะเอาศอก คิดจะปอกลอกสุดฤทธิ์ : นานมาแล้วมีน้องคนหนึ่ง INBOX เข้ามาซึ่งเราไม่ได้รู้จัก ขอความช่วยเหลือ เดือดร้อนมาก แบบว่า ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยด่วนจะฆ่าตัวตาย เราก็เป็นคนใจอ่อน คิดว่า ถ้าเป็นเรื่องจริงนั้นการช่วยเหลือของเราก็จะได้บุญ แต่ถ้าหลอกก็จะได้เพียงครั้งเดียว ปรากฏว่า ช่วยไปครั้งเดียว อวยเราเป็นนางฟ้านางสวรรค์ ทีนี้มาแบบรัว ๆ จะรออะไรก็จบสิคะ…บล็อกเลย
ท้ายสุดนี้ขอย้ำประโยคนี้อีกครั้ง “มีคนถามว่า ทำไมชอบทำดีกับหมา เคยทำดีกับคนแล้วมันกัด” หมามันซื่อสัตย์นะ เรารู้ใจมันได้ ดังคติธรรมคำสนอของพระมหาบุญส่ง เรืองวิเศษที่ว่า “การเนรคุณจะทำให้คนมีค่าน้อยกว่าหมา ความซื่อสัตย์จะทำให้หมามีค่ามากกว่าคน” แต่ใจคนเรานั้นยากแท้หยั่งถึง เหมือนเช่นเหตุการณ์ที่หยิบยกมาเป็นตัวอย่างค่ะ!
เรื่อง : อนุรี อนิลบล
เรียบเรียง : ดร.จุมพล โพธิสุวรรณ
ภาพคำคม : อินเทอร์เน็ต/เพจ บ.เรืองวิเศษ