‘วิทวัส’ รุกธุรกิจโรงแรม-อสังหาฯ ตั้งเป้าโต 6.000 ล้าน
เรียกว่า เป็นก้าวย่างสำคัญสำหรับ GRAND ASSET ในปี 2566 หลังบริษัทต้องฝ่าวิกฤตโควิด-19 มาอย่างหนัก พร้อมตั้งเป้าธุรกิจปีนี้ รุกคืบ และฟื้นกลับมาเติบโตอีกครั้ง เชื่อยอดขายและรายได้ของธุรกิจโรงแรม และ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ จะโตขึ้นรวมกว่า 6,000 ล้านบาท
วิทวัส วิภากุล กรรมการ กรรมการบริหาร และ ประธานเจ้หน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลล์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่หลายธุรกิจ ต้องได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นวงกว้าง “แต่ในปีที่แล้ว เรียกว่า มีสัญญาณที่ดีกลับมา และเป็นการกลับมาอย่างเร็วเกินกว่าที่เราคิดไว้ ทำให้ในปีนี้ ผมถือว่า เป็นปีที่ดี และเป็นปีทองของเราที่จะได้ก้าวไปอย่างเต็มที่ด้วยความภาคภูมิใจ “
ธุรกิจพร้อมรับตลาดท่องเที่ยวฟื้น
วันนี้ ธุรกิจของ แกรนด์ แอสเสท ฯ มีธุรกิจแบ่งเป็น 3 ส่วน “ส่วนแรก เป็น พรอพเพอร์ตี้ บิสซิเนส ที่เรามีทั้งแบบที่กำลังอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยน และ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม รวมถึงการเปิดเฟสใหม่ขึ้นมา ไปจนถึง โปรเจคที่เราสร้างเสร็จมาแล้วพักหนึ่ง ขณะที่ธุรกิจส่วนที่ 2 เป็น โฮเทล บิสซิเนส ที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ตอนนี้ นโยบายของรัฐบาลมีการส่งเสริมเรื่องของการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งก็มีการคาดการณ์กันว่า ภายในปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ที่ราว ๆ 25 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 62 ของปี 2562 และจะเป็นสิ่งที่มาช่วยกระตุ้นให้ตลาดโรงแรม ของเราดีขึ้นมากทีเดียว”
ส่วนอีกหนึ่งธุรกิจ เป็นการ Joint Venture “ในส่วนนี้ เราได้ร่วมลงทุนกับบริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสทรี จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ คอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่ถือว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย” ซีอีโอ แกรนด์ แอสเสทฯ กล่าว
“เราใช้เวลาช่วงที่ผ่านมาปรับปรุงส่วนต่างๆ ของโรงแรมเพื่อรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น การปรับปรุงร้านอาหาร ในโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน 2 แห่ง ได้แก่ สยาม ยอร์ช คลับ ร้านอาหารและบาร์สุดหรูแห่งใหม่ และ จิออร์จิโอ ร้านอาหารอิตาเลียน โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อให้เป็นโรงแรมริมแม่น้ำ ที่มีร้านอาหารติดริมแม่น้ำที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งบรรยากาศภายในร้านอาหาร และแบ็คกราวน์ โดยด้านหลังสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมที่สวยงาม ซึ่งร้านอาหารใหม่ทั้ง 2 แห่งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรม” ซึ่งในส่วนนี้ ทางซีอีโอ ตั้งเป้าไว้ว่า น่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทในปีนี้ได้ถึง 3,000 ล้านบาท
ตั้งเป้าธุรกิจอสังหาฯ รายได้โต
เช่นเดียวกับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการตั้งเป้ารายได้ของปีนี้ที่ 3,000 ล้านบาท “โดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาจาก โครงการคอนโดมิเนียม ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ ซึ่งตรงนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะมีรายได้ราว 2,000 ล้านบาท หลังจากที่โครงการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งทำให้มีลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติตัดสินใจซื้อเพื่อการอยู่อาศัย และลงทุนมากขึ้น”
ซีอีโอ แกรนด์ แอสเสทฯ บอกด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีโครงการ ไฮด์ สุขุมวิท 11 อีกจำนวน 600 ล้านบาท และโครงการ อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง จำนวน 400 ล้านบาท ที่ผนึกความร่วมมือกับ “อมาธารา เวลเลเชอร์ รีสอ์รท” แบรนด์ธุรกิจบริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) ที่จะมามอบประสบการณ์สุขภาพดีให้กับ ผู้พักอาศัย ด้วยพูลวิลล่าระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเล ท่ามกลางธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “ซึ่งจุดแข็งของโครงการนี้ อยู่ที่ เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจ EEC ที่พร้อมก้าวสู่ จัดหมายปลายทางที่พักอาศัยด้านสุขภาพระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ในอนาคต และในปีนี้มีแผนจะเริ่มก่อสร้างพื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบ Beach Bar เพิ่มเติมด้วย”
นักท่องเที่ยวเพิ่ม จีดีพี โต
จากข้อมูลด้านการท่องเที่ยว ที่บ่งบอกว่า จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นภายในปีนี้ ซึ่งเหตุผลหลัก ที่ทางนักท่องเที่ยวจีน เลือกประเทศไทย เป็นจุดหมายหลักของการท่องเที่ยวนั้น ซีอีโอ ของ แกรนด์ แอสเสท ฯ มองว่า เป็นเพราะประเทศไทยของเรา มีอาหารอร่อย วัฒนธรรมที่ดี รวมถึงการท่องเที่ยว ไปจนถึง สีสันต่างๆ และการบริการของผู้คน ก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ นักท่องเที่ยวจีน ยังคงหลงใหลในเสน่ห์ของประเทศไทย “และที่สำคัญ การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนเหล่านี้ ยังจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ จีดีพี ของประเทศไทย โตขึ้นอีกมาก”
เทรนด์นักท่องเที่ยว – ตลาด เปลี่ยน
เช่นเดียวกับเทรนด์ กลุ่มอายุของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทย ที่เป็นกลุ่มคนที่มีอายุน้อยลงนั้น ทางซีอีโอ ยอมรับว่า จากการที่ดูอัตราการเช็คอินเข้าพักโรงแรม ที่อยู่ในเครือของบริอษัท พบว่า ค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเช็คอินในโรงแรมต่อหัว รวมไปถึงยอดขายอาหาร และเครื่องดื่ม บนรูฟท็อปบาร์ ที่คาดว่าน่าจะทำรายได้สูงถึง 100 ล้านบาทในปีนี้ ส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น หรือ คนที่มีอายุน้อย มีจำนวนมากขึ้น “อาจเป็นเพราะว่า คนที่เป็นผู้ใหญ่ อาจจะยังคงมีความวิตกกังวล ต่อเรื่องของโควิด ยังมีอยู่ และยังไม่อยากจะเดินทางไปไหนในช่วงนี้”
“ขณะเดียวกัน ปัจจุบัน เทรนด์ของคนสมัยใหม่ หรือ คนรุ่นใหม่ ในปัจจุบัน ก็มีวิถีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม แต่เดิม เราอาจจะเห็นคนตั้งหน้าตั้งตา ทำงาน แล้วเก็บเงิน แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ ในยุคนี้ เขาสามารถหารายได้ ได้มากขึ้น เมื่อพวกเขามีเงินมากพอ ก็จะนำเงินเหล่านั้นมาใช้ เพื่อหาความสุขให้กับตัวเอง ส่งผลให้เทรนด์ตลาดการท่องเที่ยวในวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องของการใช้จ่าย และ อายุของกลุ่มนกท่องเที่ยวที่กล้าจะออกไปท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น”
โอกาสการลงทุน
อย่างไรก็ดี ซีอีโอ แกรนด์ แอสเสทฯ ยังพูดถึงโอกาสของการลงทุนที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ด้วยว่า วันนี้นโยบายใหม่ของบริษัท กำลังมองหาผู้ร่วมทุนเข้ามา “โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรม รอยัลออคิด ที่เราพยายามเฟ้นหานักลงทุน ที่จะเข้ามาร่วมในธุรกิจกับเรา ซึ่งเราจะเน้นไปที่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว รวมถึงเป็นนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้เขานำความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านที่เขามี มาช่วยเรา เรียกว่า เป็นการเอื้อกันทางธุรกิจ”
ส่วนการลงทุนในธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ใหม่ “ตอนนี้ อยากจะบอกว่า พื้นฐานธุรกิจของเราเป็น เรียลเอสเตท และ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง เราอาจต้องหยุด เพราะเจอกับสถานการณ์โควิด จนส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงิน ที่กระทบต่อรายรับ และรายได้ ที่เราไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นหนักขนาดนี้ แต่พอวันที่ทุกอย่างดีขึ้น เราก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อ และทำในสิ่งที่ดีขึ้น เราไมได้บอกว่า ส่งผลดีกับบริษัทของเรา และส่งผลดีกับผู้ถือหุ้นนน ผมก็พร้อมที่จะสร้างแผนธุรกิจ และเดินหน้าสู้ต่อไป”
