Digiqole ad

วอลล์สตรีท อิงลิช ปรับแผนรุกส่ง 3 แพลตฟอร์มสู้โควิด-19

 วอลล์สตรีท อิงลิช ปรับแผนรุกส่ง 3 แพลตฟอร์มสู้โควิด-19
Social sharing

Digiqole ad

วอลล์สตรีท อิงลิช ปรับแผนเชิงรุกเปิด 3 แพลตฟอร์ม “คลาสเรียนปกติ-ออนไลน์-ออมนิ เลิร์นนิ่ง” เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่เห็นผลได้จริงในช่วง โควิด-19 ชี้เป็นโอกาสสร้างแต้มต่อแข่งขันในตลาดแรงงาน ลุยลงทุนเพิ่มสาขาในปท.และตปท.ปีนี้

นายโอฬาร พิรินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วอลล์สตรีท อิงลิช ประเทศไทย เผยถึงแผนธุรกิจในปี 2564 ว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งรอบแรกในปี 2563 และการระบาดรอบใหม่ในปีนี้ ทาง วอลล์สตรีท อิงลิช เตรียมความพร้อมไว้ในหลายส่วนด้วยกัน โดยการระบาดโควิด-19 รอบแรก ได้มีการพัฒนารูปแบบการเรียนออนไลน์ขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียนที่ไม่ต้องเดินทางไปเรียนที่สาขา และเป็นการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้เรียน จนมาถึงการระบาดในรอบใหม่ในปีนี้ ที่นอกจากเรียนที่สาขา และออนไลน์แบบ 100% แล้ว ยังได้เพิ่มช่องทางการเรียนรู้ใหม่ ที่เรียกว่าออมนิ เลิร์นนิ่ง ที่จะผสมผสานการเรียนระหว่างการเข้าเรียนที่สาขา กับออนไลน์

“การเกิดของโควิด-19 ทำให้ เราเห็นโอกาส และพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเรียนรู้ ในแบบ Online learning experience โดยการเรียนนั้นผู้เรียนจะเป็นผู้ออกแบบการเรียนที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความเหมาะสม เช่น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเรียนออนไลน์ 100% ซึ่งผู้เรียนจะต้องเพิ่มพลังในการเรียนรู้ ขณะที่การเรียนที่สาขาก็ทำให้ผู้เรียนได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ทั้ง 2 รูปแบบนี้ผู้เรียนสามารถปรับรูปแบบให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และไม่ว่าผู้เรียนจะเลือกเรียนผ่านแพลตฟอร์มไหน สามารถมั่นใจได้ว่าทุกแพลตฟอร์ม อยู่ในมาตรฐานการจัดการเรียนการสอนแบบเดียวกัน โดยการันตีความสำเร็จ ที่ 97% ที่กล้าการันตีอย่างนั้นมีเหตุผลมาจากหลายปัจจัยได้แก่ ความเชี่ยวชาญร่วม 5 ทศวรรษของ วอลล์สตรีท อิงลิช ที่ได้รับการยอมรับจาก Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล”

นายโอฬาร กล่าวต่อว่าสำหรับการพัฒนาหลักสูตร มีการกำหนดจำนวนผู้เรียนเพียง 4 คนต่อคลาสเท่านั้น และนักเรียนทุกคนต้องอยู่ในระดับเดียวกัน เพื่อให้ฝึกการพูดกับเพื่อน และครู ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผล รวมถึงการจัดให้มีโค้ชที่จะคอยให้คำแนะนำแบบ One -on -One หลังเรียนจบแต่ละครั้ง ว่าเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมกับให้ฟีดแบ็ค และการสร้างกำลังใจให้ผู้เรียน โดยมองว่า”โค้ช” มีความสำคัญ โดยหลังการเรียนจะมีการสอบถามถึงความรู้ความเข้าใจในการเรียน ซึ่งหลังเปิดคลาสเรียนออนไลน์ วิธีนี้นับว่าได้รับการตอบรับดีมาก โดยเฉพาะกับนักเรียนในต่างจังหวัด

สำหรับปีนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช ยังคงเดินหน้าในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยและการรักษาความสะอาดมาเป็นอันดับแรกตามมาตรฐานการป้องกันโควิด-19 ทั้ง 15 สาขา ที่เปิดดำเนินการอยู่แล้วในไทย พร้อมกับตั้งเป้าลงทุนเพิ่มอีก 1-2 สาขา นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดสาขาใหม่อีกแห่งที่พนมเปญ ประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเปิดประมาณกลางปีและอีกสาขาที่สปป.ลาว

จากการคาดการณ์ถึงทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต ภาษาอังกฤษยังคงมีความสำคัญ อันดับ 1-3 ที่ทุกคนต้องมี อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากอัตราการว่างงานและถูกเลิกจ้าง ในระบบราว 700,000คน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ทุกคนต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขัน ซึ่งคนที่มีความพร้อมและทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีจึงจะมีโอกาสสำเร็จได้มากกว่า โดยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าเป็นระดับนักเรียนอายุตั้งแต่ 15-22 ปีสูงถึง 53% วัยทำงาน 27% และที่เหลือเป็นเจ้าของกิจการ สำหรับราคาค่าเรียนเริ่มต้นที่3,000บาท/เดือน หากจะเรียนแล้วได้ผลควรเรียน9เดือนขึ้นไป

“เราเชื่อว่า ภาษาอังกฤษยังจำเป็นและมีความต้องการสำหรับคนทุกกลุ่ม คนที่กำลังเรียนการพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษช่วยให้ตามความฝันเข้าคณะที่ต้องการได้ ส่วนคนที่ทำงานอยู่แล้วความสามารถด้านภาษาจะช่วยให้ก้าวไปถึงจุดที่ได้รับการโปรโมทงานในตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ ซึ่งปัจจุบันคนไทยเริ่มตื่นตัวเรียนภาษาอังกฤษกันมากขึ้น ก่อนที่จะมีโควิด-19 มีมูลค่าตลาดราว 3,500ล้านบาท ทางวอลล์สตรีท อิงลิชมีรายได้ราว 600ล้านบาท ที่ผ่านมามีการเติบโต 10-15% ปีนี้ก็ตั้งเป้าให้เติบโตเพิ่ม10% และการเรียนต่อไปในช่วง 2-3 ปีจากนี้อัตราการเรียนทางออนไลน์จะเติบโตถึง 30% นอกจากนี้ยังได้จับมือกับทางมหาวิทยาลัยศรีปทุม ในการให้นักศึกษาเข้ามาเรียนภาษาอังกฤษกับวอลล์สตรีท อิงลิชด้วย และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 2 มหาวิทยาลัย ”

ล่าสุด วอลล์สตรีท อิงลิช จัดแคมเปญ “Welcome back to the class at Wall Street English” เปิดให้ร่วมสนุกลุ้นรางวัลกับบุคลากรภายในองค์กรและนักเรียน กิจกรรม แชะ & share กิจกรรมที่จัดขึ้นกับหน่วยงานภายใน เพียงถ่ายรูปพร้อมใส่หน้ากากผ้าลาย WSE ที่ได้รับกับมุมต่าง ๆ ใน WSE ภายใต้ Concept Welcome back โพสต์และแชร์ผ่าน Facebook พร้อมติด hashtag #welcomeback #WSEThailand #successlovespeed ผู้ที่ได้รับ Engagement (Like ,Comment ,Share) มากที่สุดจะได้รับ Gift voucher Starbucks 3 รางวัล มูลค่ารวม 3,000 บาท (รางวัลที่ 1 มูลค่า 1,500 บาท รางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท รางวัลที่ 3 มูลค่ารวม 500 บาท) ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 9 มี.ค.2564 โดยประกาศผลในวันที่ 12 มี.ค.2564

อีกกิจกรรมที่เปิดให้นักเรียนร่วม แชะ & share เพียงถ่ายรูปใส่หน้ากากผ้าลาย WSE ที่ได้รับจากสตาฟกับมุมต่าง ๆใน WSE ภายใต้ Concept Comeback โพสต์และแชร์ผ่าน Facebook พร้อมติด hashtag #welcomeback #WSEThailand #successlovespeed นักเรียนคนไหนได้รับยอด Engagement (Like ,Comment ,Share)มากที่สุด 3 อันดับแรก รับคอร์สเรียนออนไลน์จาก WSE ฟรี 1 คอร์ส จำนวน 3 รางวัล รางวัลละ 19,999 บาท มูลค่ารวม 59,997 บาท สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 9 มี.ค.2564 โดยประกาศผลในวันที่ 12 มี.ค.2564

 

 

Facebook Comments


Social sharing

Related post