
‘วรเทพ’ ตั้งเป้าปี 64 งัดจุดแข็งดึงยอดขายเพิ่ม 50%

ท้องฟ้าแลดูมืดครึ้ม..ใช่ว่าฝนจะตก..แต่นั่นคือฝุ่น PM2.5 ทั้งนั้น ผู้คนต่างต้องการอากาศที่บริสุทธิ์เพื่อการหายใจ เพราะฝุ่นPM2.5 นี้สูดดมหายใจเข้าไปมากๆ อันตรายเกินกว่าที่คิดกันเสียอีก ทำให้การหาเครื่องฟอกอากาศทั้งส่วนตัวและส่วนรวมมาใช้กัน ตลาดจึงเติบโตมาก บริษัทหนึ่งที่เห็นโอกาสเช่นกัน คือ “แสงชัย แอร์ควอลิตี้” ผู้นำเข้าเครื่องฟอกอากาศ แบรนด์ Blueair (บลูแอร์) จากประเทศสวีเดน โดยผู้ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังคือ
“นายวรเทพ อัศวนิเวศน์ “ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัดผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศแบรนด์ Blueair (บลูแอร์)
เขาเล่าว่าแรงบันดาลใจในการเลือกแบรนด์ Blueair นี้ก็เพราะเป็นเครื่องฟอกอากาศจากสวีเดน ที่มีโพสิชั่นชัดเจนมาก โดยเฉพาะการโฟกัสกับการทำเครื่องฟอกอากาศเพียงอย่างเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดในโลก ต่างจากคู่แข่งผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ทั่วไป ที่มีการ OEM ผลิตภัณฑ์หลายชนิด แต่ไม่ได้มีนวัตกรรมที่โดดเด่นในผลิตภัณฑ์ชนิดใดเป็นพิเศษ จนทำให้ Blueair กลายเป็นผู้นำนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศอย่างชัดเจน และยังเป็นแบรนด์แรกที่นำเทคโนโลยี IoT มาใช้ในผลิตภัณฑ์อีกด้วย
จึงชอบปรัชญาในการทำตลาด ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ผลิตสินค้าหลายอย่าง มักเป็นการทำตลาดแบบ me too คือใครทำสินค้าอะไร เขาทำก็ทำหมด แต่ Blueair ทุ่มทรัพยากรทั้งหมด เพื่อทำสินค้าชนิดเดียว ทำให้ Blueair โฟกัสและเป็นผู้นำในการสร้างนวัตกรรมที่ล้ำหน้าจริงๆในอุตสาหกรรมเครื่องฟอกอากาศ
ซึ่งหลังจากที่ประเทศไทยเริ่มมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 รุนแรงขึ้นในช่วง 2-3 ปีหลัง ทำให้เครื่องฟอกอากาศ Blueair ได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของคนมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากผู้คนต่างๆต้องการเครื่องฟอกอากาศที่มีทั้งประสิทธิภาพการใช้งาน มีอัตราการฟอกสูง หวังที่จะทำให้บ้านมีอากาศบริสุทธิ์ปลอดฝุ่น 100% และที่สำคัญ หลายคนยังคาดหวังไปถึงเรื่องบริการหลังการขายที่มีคุณภาพอีกด้วย จนส่งผลให้ Blueair ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ครบถ้วน จนกลายเป็นแบรนด์เครื่องฟอกอากาศตัวเลือกแรกที่หลายคนนึกถึง
“โดยทั่วไปแล้ว ปัญหาฝุ่น PM 2.5 นับเป็นปัญหามลพิษแผลใหญ่ที่เกิดอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับเมืองใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนา แน่นอนว่าช่วงที่ปริมาณฝุ่นมีมากขึ้น ผู้คนก็ตื่นตัวในการเปิดใช้เครื่องฟอกกันมากขึ้น ทว่าปัญหาที่บริษัทได้เจอคือช่วงเวลาที่ฝุ่นลดลง ผู้คนกลับลดความสำคัญกับการใช้งานเครื่องฟอกอากาศลงไปด้วย ทั้งๆ ที่ปริมาณของฝุ่นนั้นยังมีความหนาแน่นสูงอยู่ และมากพอที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว บริษัทจึงได้พยายามเสริมความเข้าใจในตัวลูกค้า ด้วยการใช้ทีม Service เข้าดูแลลูกค้าเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม และบริการหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน เพื่อคอยจัดการให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นถึงความสำคัญของอากาศบริสุทธิ์ที่ทุกคนควรได้รับในอีกทาง”
นายวรเทพเล่าต่อไปว่า สำหรับจุดแตกต่างของเครื่องฟอกอากาศแบรนด์นี้กับของแบรนด์อื่นที่จะเป็นจุดแข็งให้คนต้องเลือกซื้อนั้นคือ Blueair จะมีอัตราการฟอกอากาศหรือความเร็วในการฟอก ที่เรียกว่า CADR สูงกว่าทุกๆแบรนด์ ในขณะที่มีเสียงที่เบากว่าแบรนด์อื่นๆ จึงสามารถใช้ในห้องนอนได้ อีกทั้งดีไซน์ จะเน้นความเรียบหรูหรือมี DNA ของการออกแบบ สินค้าจากสแกนดิเนเวียน จึงทำให้เหมาะกับ ไลฟ์สไตล์ ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งสินค้ามีราคาขายตั้งแต่ราคาต่ำกว่า 10,000 บาทสำหรับรุ่นเริ่มต้น จนถึงระดับ 120,000 บาทสำหรับรุ่นที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพื้นที่ 100 ตร.ม.
ทั้งนี้ทางบริษัทยังได้นำจุดแข็งต่างๆนี้มาทำให้ตัวเองหนีห่างจากคู่แข่งมากขึ้น ด้วยการสร้างทีม Service ที่แข็งแกร่ง กระจายตัวคอยให้บริการหลังการขายดูแลลูกค้าถึงบ้าน ซึ่งในปัจจุบันนี้ Blueair ได้มีทีม Service รวมแล้วกว่า 10 ทีม โดยทีม Blueair Service นี้เป็นการบริการหลังการขาย ที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์เครื่องฟอกอากาศจากสวีเดน นอกจากบริการทั่วไปอย่างการซ่อมบำรุง หรือการตรวจเช็คสภาพผลิตภัณฑ์แล้ว
ยังเป็นแบรนด์เดียวที่มีการดูแลผู้บริโภคด้วยบริการทำความสะอาดฟรีถึงบ้าน ในเดือนที่ 6 หลังซื้อผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้บริการ call center แจ้งเตือนการเปลี่ยนไส้กรองทุก 1 ปี เพื่อให้การดูแลที่ดีที่สุดกับลูกค้าในระยะยาว อีกทั้ง แสงชัยแอร์ฯ ยังได้ดำเนินการต่อยอดจุดแข็งของทีม Service ด้วยการสร้างโชว์รูมสำหรับบริการเครื่องฟอกอากาศ Blueair โดยเฉพาะ เปิดให้ลูกค้าสามารถนำผลิตภัณฑ์มาเข้ารับการซ่อมบำรุง จากทีมช่าง Service ที่มีประสบการณ์ได้ตลอดเวลา
การมีทีม Service ที่แข็งแกร่ง ประกอบกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ทำให้ Blueair เป็นที่เชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าระดับบน มากกว่า 20,000 รายในปัจจุบัน ที่มีการซื้อซ้ำอยู่เรื่อยๆ และยังมีการแนะนำกันปากต่อปากอีกด้วย อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาบริษัทต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้ยอดการเติบโตตกลงไปเล็กน้อย ซึ่งในปี 64 นี้ แสงชัยแอร์ฯได้ เริ่มลุยตลาดรอบใหม่ ด้วยการเสริมทีม Service ให้แข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งเตรียมที่จะทำในสิ่งที่นำหน้าคนอื่นมาตลอด ด้วยการยกระดับนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศไปอีกขั้น สร้างเจเนอเรชั่นใหม่ เพื่อทิ้งระยะหนีคู่แข่งออกไปอีกครั้งในช่วง Q2 และใช้เป็นอาวุธหลักในการพาคนไทยผ่านวิกฤติ PM 2.5 รวมถึงช่วยให้บริษัทเพิ่มยอดขายขึ้น 50% หรือตั้งเป้าอยู่ที่ 150 ล้านบาท ในปีนี้
สำหรับยอดขายปี 2563 เหตุเพราะได้รับผลกระทบจากโควิด และการที่ห้างต้องปิดให้บริการประมาณ 2-3 เดือน ทำให้กระทบยอดขายไป 30% แต่ในปี 2564 ห้างฯได้กลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ จึงคาดหวังยอดขายให้ดีขึ้น 50% จากยอดปี 2563 ส่วนด้านสาขาปัจจุบันมีจำหน่ายที่ Central 6 สาขา PWB 11 สาขา Siam Paragon , Emporim , The Mall 2 สาขา ทั้งหมด 21 สาขา ที่มีพนักงานขายของ lueair บริการ ซึ่งได้รวมถึง สาขาใหม่ ที่เพิ่งเปิดในปี 2563 คือ Central Maga Bangna หรือ The Mall งามวงศ์วาน โดยในส่วนของสาขาต่างจังหวัด ที่ยังไม่มีพนักงานขาย ลูกค้าก็สามารถแจ้งซื้อที่สาขา เพื่อให้สั่งของจากคลังกลาง ไปส่งที่สาขาได้