‘วชิรา’ ปั้นธุรกิจ ‘เรือ’ดันท่องเที่ยวไทยโต

หากใครไปงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 “ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ๊กซ์โป” (Thailand International Motor Expo) ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 ณ อิมแพค เมืองทองธานี นอกจากจะได้เห็นบรรดารถยนต์ค่ายต่างๆ ตระกูลแบรนด์ต่างๆ ที่ถูกนำมาอวดโฉมให้ทุกคนได้เห็นสรรถนะกันอย่างเต็มอิ่มแล้ว 

อีกหนึ่งสิ่งที่ถูกนำมาจัดแสดงในงานเดียวกันนี้ ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ไม่แพ้รถยนต์ค่ายดัง คือ “เรือยอร์ช” มากกว่า 20 ลำ ที่ถูกนำขึ้นบก มาอวดความหรูหรา และงามสง่า ที่เรียกเสียงตอบรับได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งทาง คุณจุ๋ม–วชิรา จิตศักดานนท์ กรรมการบริหาร บริษัท จอยน์ โบ๊ท แพลตฟอร์ม เล่าถึงการนำเรือหรู ที่มาพร้อสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันมาจัดแสดงภายในงานว่า เพื่อเป็นการปลุกอุตสาหกรรมธุรกิจเรือ ในประเทศไทย รวมไปถึง และธุรกิจการท่องเที่ยวทางน้ำในประเทศไทย ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง “เรียกว่า เป็นการสร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นในมหกรรมยานยนต์ ครั้งนี้ รวมถึงเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กับนักท่องเที่ยวทางน้ำ ที่จะมาช่วยยกระดับ และผลักดันธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย และเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” 

เกิดกระแสเม็ดเงินกว่า 200 ล้านบาท

ทั้งนี้ กรรมการบริหาร บริษัทจอยน์ โบ๊ท แพลตฟอร์ม จำกัด สื่อกลางธุรกิจทางน้ำครบวงจร ทั้งงานแสดง รายการวิถีชีวิตเรือทะเล และแม่น้ำ ผ่านสื่อดิจิตอล และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจบในที่เดียวแบบ One Stop Service เ ยังคาดการณ์ด้วย” ว่าในช่วงระยะเวลากว่า 12 วันของการจัดงาน จะมีกระแสเม็ดเงินเฉพาะในโซนจัดแสดงเรือ สะพัดมากกว่า 200 ล้านบาท “เราได้ร่วมมือกับพันธมิตร และผู้ประกอบการธุรกิจเรือครบวงจร ซึ่งไม่ใช่มีแค่บริษัทจัดจำหน่ายเรือ เท่านั้น แต่เรายังมีผู้ประกอบการท่าเรือ และแบรนด์เรือ พร้อมู้แทนจำหน่ายมากกว่า 30 แบรนด์ มาอยู่ในพื้นที่ 1,500 ตร.ม. ด้วย ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้เห็นเรือรุ่นใหม่ ตลอดจน อุปกรณ์กีฬาทางน้ำ เช่น เจ็ทสกี รุ่นใหม่ รวมทั้งสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องมารวมอยูในพื้นที่เดียวกัน” 

กรรมการบริหาร กล่าวด้วยว่า วันนี้ธุรกิจเรือในประเทศไทยมีแนวโน้มโตขึ้นอย่างมาก “ตลาดเรือในวันนี้เติบโตขึ้นมากกว่า 30% ขณะที่แนวโน้มของคนที่หันมาให้ความสนใจในการท่องเที่ยวทางเรือ ก็มีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน” สถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้การท่องเที่ยวทางเรือเกิดขึ้น “เพราะว่าในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ประเทศ ไม่ให้คนไทยเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ส่งผลให้ในช่วงเวลาดังกล่าว คนไทยจึงหันมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการด้านธุรกิจเรือ ก็มีการจัดซื้อเรือลำใหม่ๆ เข้ามาเพื่อรองรับกับกิจกรรมที่เกิดขึ้น หรือหากเป็นคนที่มีฐานะ ก็จะซื้อเรือสำหรับใช้ท่องเที่ยวแบบส่วนตัว หรือแบบครอบครัวก็มีเยอะขึ้น” 

เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ

“เราเชื่อว่า เรือเป็นเหมือนจุดเชื่อมโยงการเดินทาง และการท่องเที่ยว รวมถึงยังเป็นเครื่องมือในการสร้างกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนอย่างหนึ่ง” กรรมการบริหารฯ บอกด้วยว่า เรือ ไม่เพีบงจะเป็นเครื่องมือสำหรับใช้การพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่จะมามอบประสบการณ์ของการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ ไปพร้อมกันด้วย “จากข้อมูลที่บริษัทของเรามีอยู่ จะเห็นได้ว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด จำนวนของเรือ มีการถูกจำหน่ายไปเยอะมาก เช่นเดียวกับบริษัทธุรกกิจเรือ ก็เกิดเยอะขึ้นมาก ทำให้มีแบรนด์เรือ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องจากค่ายต่างๆ ในต่างประเทศ เข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทยมากขึ้นด้วยในช่วงนั้น และเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงไป ก็ทำให้เราเห็นว่า ตลาดในธุรกิจเรือเติบโตขึ้น ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาที่คนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ทำให้ตลาดเรือขยายตัวกว้างมากขึ้นในช่วงดังกล่าว ถือเป็นการเติบโตที่สวนกระแสเศรษฐกิจอย่างมากทีเดียว” 

ปีหน้าธุรกิจเรือยังเติบโตต่อเนื่อง

สำหรับในปีหน้านั้น กรรมการบริหาร บริษัทจอยน์ โบ๊ท แพลตฟอร์ม คาดการณ์ว่า ธุรกิจเรือในปีหน้า อาจจะมีบริษัทเรือ และบริษัท ที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นอีกมาก “เรามองว่า ปีหน้าอัตราการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรือ ทั้งที่เป็นบริษัทมารีน่า (ท่าจอดเรือ) ธุรกิจการเช่าเรือ รวมถึง บริษัทจำหน่ายเรือมือสอง และเรือใหม่ ก็น่าจะเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 30 บริษัทอย่างแน่นอน รวมถึงยังคาดการณ์กันด้วยว่า อัตราการเติบโตของธุรกิจเรือในปีหน้า จะเติบโตเกินกว่า 15% อย่างแน่นอน” 

ด้วยเหตุนี้ ทำให้บริษัท จอยน์ โบ๊ท แพลตฟอร์ม มองเห็นว่า เรื่องของ “เรือเพื่อการท่องเที่ยว” จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป “เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นสื่อกลาง และ เป็นกระบอกเสียง ที่จะเชื่อมโยงผู้ซื้อ และผู้ขาย เข้าไว้ด้วยกัน รวมถึง พร้อมที่จะให้ข้อมูล และความรู้เรื่องของเรือให้กับผู้สนใจเช่นกัน “ทำให้ในปีหน้า เราอาจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดการเรียน การสอน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เรื่องของการขับขี่เรืออย่างปลอดภัย หรือแม้แต่ เด็กๆ ที่สนใจกิจกรรมและกีฬาทางน้ำ เราก็อาจจะมีการให้ความรู้ และสอนการเล่นกีฬาทางน้ำด้วย นอกจากนี้ เราก็ยังจะมีการจัดกิจกรรมโรดโชว์ ตามสถานที่ต่างๆ อีกราว 3-4 งาน” 

ผลักดันการท่องเที่ยวไทยโต

เมื่อถามถึงธุรกิจ เรือ มีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างไร กรรมการบริหาร บริษัท จอยน์ โบ๊ท แพลตฟอร์ม กล่าวว่า ตลาดธุรกิจเรือ ถือเป็นตลาดที่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศ และยังอาจเป็นธุรกิจหลัก ที่มาผลักดันเม็ดเงินจำนวนมหาศาล เข้าสู่ประเทศผ่านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย “วันนี้ จุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในประเทศไทยของเรา ส่วนใหญ่ จะมุ่งเน้นไปที่แหล่งชุมชนทางทะเล หรือ แม่น้ำ ซึ่งก็ทำให้หนีไม่พ้นเรื่องของการใช้เรือเป็นยานพาหนะสัญจรทางน้ำ โดยจะเห็นได้ตั้งแต่ ธุรกิจเรือข้ามฟาก ไปจนถึงเรือยนต์ให้เช่า ที่เรียกว่า เป็นธุรกิจจำเป็นของการท่องเที่ยวในบ้านเรา” 

เมื่อโควิดหาย ตลาดท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมา “ซึ่งการกลับมาของการท่องเที่ยวในประเทศ จะเป็นในลักษณะ ค่อยๆ กระเตื้องขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ ก็จะมี่เรื่องของธุรกิจเรือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะจะช่วยทำให้ สถานที่ หรือ แหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ น่าไปท่องเที่ยวมากขึ้น และยังทำให้ผู้ที่ไปท่องเที่ยวในพื้นที่ มีความสะดวกสบาย เช่นเดียวกับประชาชนที่อาศัยในชุมชน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล หรือ แม้น้ำ ก็จะได้รับประโยชน์จากการขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวด้วยเหมือนกัน เราจึงเปรียบเสมือนคนที่มีส่วนช่วยผลักดัน และส่งเสริมให้เกิดประโยชน์กับหลายๆ ฝ่าย” 

อย่างไรก็ดี กรรมการบริหาร บริษัท จอยน์ โบ๊ท แพลตฟอร์ม จำกัด คาดหวังด้วยว่า ธุรกิจเรือ จะไม่ได้เป็นเพียงแค่ การส่งเสริม และให้ความรู้ กับนักท่องเที่ยวที่สนใจในการพักผ่อนกับการล่องเรือแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น “ทว่า เรายังจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความตื่นตัว และปลุกกระแส เศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยไปพร้อมๆ กับการเชื่อมโยงกับประชาชนคนไทย ในพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำ หรือทะเล ให้ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ตลอดจน ผลักดันให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเรือในประเทศไทย เติบโตขึ้น และเป็นธุรกิจ ที่เดินหน้าคู่ไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยตลอดไป”