
รัฐมนตรีมหาดไทยต้อนรับเอกอัครราชทูตจีน พร้อมหารือความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ


เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ นายหาน จื้อเฉียง (韩志强) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย ในโอกาสได้รับตำแหน่งใหม่ และหารือความร่วมมือด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร.ต.สรมงคล มงคละสิริ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า มีความยินดีในโอกาสที่นายหาน จื้อเฉียง ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งไทยกับจีนเป็นมิตรประเทศกันมาอย่างยาวนาน แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การเดินทางระหว่างประชาชนสองประเทศลดน้อยลง แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นทั้งสองประเทศจะฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกันดังเดิม และขอขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้ความช่วยเหลือทางด้านวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กับประชาชนชาวไทย ซึ่งแม้ขณะนี้ไทยและจีนต่างยังคงเผชิญภาวะความยากลำบากในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 แต่ก็จะร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน ทั้งด้านการเสริมกำลังทางด้านการสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ และขอให้กำลังใจแก่รัฐบาลและประชาชนชาวจีนผ่านเอกอัครราชทูต หาน จื้อเฉียง ด้วย
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงมหาดไทยมีภารกิจหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ตลอดจนดูแลคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน จึงได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากรัฐบาลในการดำเนินการเพื่อขจัดความยากจน ซึ่งการดำเนินงานด้านการประกาศความสำเร็จในการขัดความยากจนของรัฐบาลจีนใน “รูปแบบจีน (China Model)” ที่ทำให้ประชาชนชาวจีนกว่า 99 ล้านคน สามารถหลุดพ้นความยากจน ถือเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ทางประเทศไทยจะศึกษาเรียนรู้แนวทางของประเทศจีน โดยจะขอรับการสนับสนุนองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อถ่ายทอดความรู้และบทเรียนแห่งความสำเร็จให้กับประเทศไทยในช่วงที่ยังไม่สามารถเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศจีนได้ ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับบริบทของไทย นอกจากนี้ ยังได้ร่วมหารือถึงแนวทางการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศจีนในด้านต่างๆ เช่น การส่งเสริมความร่วมมือระดับประชาชนกับประชาชน ความร่วมมือระดับรัฐบาลท้องถิ่นจีนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทย ตลอดจนความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการป้องกันและการจัดการสาธารณภัย
“ขณะนี้ประเทศไทย และประเทศจีน ยังคงเผชิญหน้าและดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 อย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และดีขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ ซึ่งชาวจีนเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ของไทย และคนไทยก็นิยมเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณาการกลับไปทำการบินเชิงพาณิชย์ในจีนของธุรกิจสายการบินประเทศไทย เพื่อพยุงธุรกิจท่องเที่ยวให้กลับมาสร้างรายได้ให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศอีกด้วย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
นายหาน จื้อเฉียง กล่าวว่า จากการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย โดยได้รับพระมหากรุณาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายอักษรสาส์นตราตั้ง เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จึงใช้โอกาสนี้ในการเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ได้เข้ารับหน้าที่ ได้สัมผัสกับมิตรภาพที่ดีระหว่างสองประเทศ โดยในช่วงแรกของการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลจีนได้บริจาควัคซีนให้รัฐบาลไทย จำนวน 2.5 ล้านโดส เมื่อปี 2563 และในขณะที่ประเทศจีนต้องเผชิญสถานการณ์โควิด-19 อย่างรุนแรง ก็ยังได้รับกำลังใจและความช่วยเหลือจากรัฐบาลและประชาชนไทยอย่างต่อเนื่อง สร้างความประทับใจให้กับรัฐบาลและประชาชนชาวจีนเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงมีความยินดีในการให้ความร่วมมือกับประเทศไทยในเรื่องที่ได้หารือร่วมกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ