
รัฐบาลดำเนินโครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet โดยผ่านการตรวจสอบจากสภาผู้แทนราษฎรอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส รับฟังความเห็นจากทุกหน่วยงาน


วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘กรรมการข่าว คุยนอกจอ’ ทางเฟซบุ๊กไอดี ‘สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว’ ว่ารัฐบาลดำเนินโครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet โดยผ่านการตรวจสอบจากสภาผู้แทนราษฎรอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส รับฟังความเห็นจากทุกหน่วยงานมาปรับใช้เพื่อให้โครงการนี้เดินหน้าได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ
.
1. การดำเนินนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ของรัฐบาลได้ผ่านการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล และนำข้อแนะนำจากหน่วยงานต่างๆ มาปรับให้สมดุล โดยทุกคนเห็นตรงกันว่าจะต้องมีโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจ
.
2. เดิมคิดว่าจะใช้วิธีตัดไขมันส่วนเกินออกและนำเอางบประมาณปีถัดไปมาบวก แต่เมื่อปรึกษาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว มีข้อแนะนำ 2 ข้อคือ (1) หากทำโครงการเดียวแต่ใช้งบประมาณ 2 ปีงบประมาณจะทำยากเพราะมีปัญหาว่างบประมาณปีถัดไปยังไม่ผ่านสภา และ (2) หากกระตุ้นด้วยงบประมาณปกติ และทำตามกรอบเดิม ผลลัพธ์ก็จะเป็นแบบเดิมและการกระตุ้นก็ไม่เท่ากับการหาแหล่งเงินใหม่ เพราะจะเท่ากับแค่เปลี่ยนจากการให้รัฐเอาเงินไปใช้จ่ายมาเป็นประชาชนใช้จ่าย ดังนั้นเป้าหมายของเราคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ต้องหาแหล่งเงินใหม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
.
3. ในเรื่องการหาแหล่งเงินใหม่นั้น นายกรัฐมนตรีได้หารือกับ ธปท. ได้ผลสรุปว่าควรจะเป็นการกู้เงินตรงไปตรงมา ซึ่งเราก็มองว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เคยพูดเรื่องมาตรา 28 คือการกู้เงินแต่อยู่นอกงบประมาณ เช่นการกู้เงินธนาคารออมสินซึ่งนั่นไม่คิดเป็นหนี้สาธารณะ แต่เราก็คิดแบบตรงๆ คือ เมื่อเราไม่ใช้งบประมาณ ก็ใช้การกู้เงิน ก็ต้องตรงไปตรงมา และต้องได้รับการตรวจสอบและเห็นชอบจากรัฐสภา
.
4. ด้านสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก็ให้ความเห็นว่า การกู้เงินแทนที่จะออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แต่ไปใช้ปีหน้าก็จะขัดกัน ก็ให้ใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรัฐบาลดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา นายกรัฐมนตรีบอกว่าเราเปิดกว้างให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เราใช้วิธีตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซ่อนเร้น เราถกเถียงหาข้อสรุปกันหลายขั้นตอน ได้รับความเห็นหน่วยงานและองค์กรต่างๆ มากมายรวมถึงกฤษฎีกา และเราก็พร้อมรับการตรวจสอบ
.
5. ด้านเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรพิจารณาละเอียดรอบคอบและเอาเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ยินดีรับฟัง ดังนั้น ขั้นตอนจากนี้ก็จะนำความเห็นเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกา นอกจากนี้ก็อาจจะยังมีศาลรัฐธรรมนูญ ที่เราพร้อมจะไปให้ข้อเท็จจริง และมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งก็ได้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งมาพิจารณาโครงการนี้ ซึ่งผมพร้อมไปให้ข้อมูลชี้แจงทำความเข้าใจด้วยตนเอง เพื่อลดข้อสงสัย เพราะบางประเด็นพูดกันมาก เมื่อชี้แจงทำความเข้าใจและหากมีข้อสงสัยใดเราก็พร้อมรับฟัง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลรับฟังเสียงของสังคม ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จึงเห็นว่าได้มีการปรับลดกรอบวงเงิน ปรับระยะทิศทาง ให้เหมาะสมกัน
.
6. เราได้ปรับกรอบการได้รับสิทธิในกรณีของผู้มีรายได้ต่ำกว่า 70,000 บาท ซึ่งหมายถึงรายได้ทุกอย่างไม่ใช่เพียงแค่เงินเดือนที่แจ้งไว้กับกรมสรรพากร รวมถึงเรื่องบัญชีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท อยู่ในกรอบคิดว่าคนมีรายได้สูงจะไม่นำเงินนี้ไปใช้จ่ายมากนัก โดยมีตัวเลขยืนยันหลักคิดนี้ เราจึงคิดโครงการทดแทนให้กลุ่มคนรายได้ 70,000 บาทหรือเงินฝากเกิน 5 แสนบาท คือโครงการ e-Refund ซึ่งเป็นการใช้จ่ายให้ถึงเป้าหมายเพื่อจะได้นำไปลดหย่อนภาษี เช่น ใช้จ่ายถึง 50,000 บาท ได้ลดหย่อนภาษี 10,000 บาท เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดจะมีแต่ละขั้นตอนอย่างชัดเจน แต่จะขอนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติก่อน
.
7. นอกจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้สิทธิประชาชนในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตตามที่กล่าวมาแล้ว เรายังมีกลไกดึงดูดการลงทุนด้วยการให้เงินสนับสนุน แต่เนื่องจากเรามีข้อจำกัดเรื่องกรอบการใช้งบประมาณ แต่เรามีเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมเป้าหมายหรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต ก็จะใช้งบประมาณเติมเข้ากองทุนนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
.
8. โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเริ่มต้นต่อเมื่อกระบวนการทางกฎหมายจะเสร็จสิ้น และหากเสร็จสิ้น ก็จะมีขั้นตอนดำเนินการต่อคือ (1) เริ่มกระบวนการยืนยันตัวตนตามหลักเกณฑ์ ธปท. 2. ต้องใช้จ่ายในอำเภอตามบัตรประชาชนภายใน 6 เดือนแรก ส่วนร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนกับระบบดิจิทัลวอลเล็ตนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ในระบบภาษี ไม่ต้องจดทะเบียน VAT แต่ร้านค้าที่จะขึ้นเงินต้องอยู่ในระบบภาษี
.
9. ส่วนข้อกังวลเรื่องการใช้เงินกู้นั้น เมื่อเริ่มใช้จ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจะยังไม่ต้องกู้ แต่เมื่อเริ่มมีคนเอาดิจิทัลวอลเล็ตไปขึ้นเงิน จึงค่อยดำเนินการตามมาคือตอนคนมาเริ่มขึ้นเงิน เราค่อยมาเริ่มต้นกู้ ซึ่งจะทำให้เมื่อถึงขั้นตอนการกู้เงินนก็จะเป็นตอนที่เศรษฐกิจประเทศเริ่มหมุนเวียนไปแล้วจึงเชื่อมั่นว่าจะอยู่ในกรอบที่รัฐบาลบริหารจัดการได้ อยู่ในวินัยการเงินการคลัง
.
10. รัฐบาลมองเห็นและหาทางออกในปัญหาทุกด้าน ไม่ใช่มองเห็นแต่ปัญหาจนไม่มีทางออก แน่นอนว่าทุกเรื่องจะต้องมีอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยกลไกก็จะต้องเดินหน้าโครงการนี้ให้สำเร็จตามที่ประชาชนคาดหวัง รัฐบาลผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน ผ่านการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ดังนั้นจึงต้องทำงานเดินหน้าให้ครบถ้วนและทำเต็มที่
.
ติดตามเนื้อหา ฉบับเต็มได้ที่ : www.youtube.com/watch?v=Z3HLmd2feu0
ที่มา : เพจพรรคเพื่อไทย
Facebook Comments