ระบาดอีกแล้ว

เป็นอีกรอบที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง เป็นพื้นที่ถึง 17-18 จังหวัดภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น

จุดเริ่มต้นครั้งนี้มาจากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งเป็นพื้นที่สถานบันเทิงของคนที่มีกำลังซื้อ ของคนระดับนักธุรกิจ รวมทั้งของคนระดับรัฐมนตรี ของคนการเมืองที่ใกล้ชิดขั้วอำนาจทั้งหลาย

การจะอาละวาดฟาดงวงฟาดงา จึงไม่ควรที่จะเป็นการโวยวายใส่ประชาชนโดยทั่วไป แต่ควรจะโวยวายใส่คนรอบข้างรัฐบาลทั้งหลายนั่นแหละ

กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ อยู่ในเวลานี้ ว่ามีคนระดับรัฐมนตรีที่นิยมเที่ยวเป็นหนึ่งในสาเหตุ

ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร พากันกังวลหนักว่าจะมีการใช้มาตรการปิด หรือใช้มาตรการกำหนดเวลานั่งไม่เกิน 3 ทุ่มอีกหรือไม่ เนื่องจาก 2 รอบก่อนหน้านั้น ธุรกิจยังไม่ฟื้น ยังย่ำแย่ต่อเนื่อง หากโดนอีกรอบนี้ถือเป็นรอบที่สาม มีหวังได้เห็นอาการไม่รอดของธุรกิจกันอย่างแน่นอน

นี่คือบทเรียนแรกของการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจแบบที่คนในรัฐบาลคิดกันอยู่ว่า จะต้องเปิดกว้าง ใครฉีดวัคซีนมาแล้ว เข้าไทยได้เลย ลดวันการกักตัว ซึ่งหากขยายสัดส่วนจากย่านบันเทิงทองหล่อ เป็นจังหวัดท่องเที่ยว เป็นเกาะที่คิดจะเปิดรับนักท่องเที่ยว

หากเกิดการแพร่ระบาดแบบเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ขึ้นมา จะสาหัสขนาดไหน จะได้คุ้มเสียหรือไม่

ฝากให้รัฐบาลคิด

ส่วนอีกประเด็นที่ไม่พูดคงไม่ได้ ก็คือเรื่องของวัคซีน ที่ล่าช้าไม่ทันการ วันนี้ไทยยังคงพูดอยู่แค่ 2 ยี่ห้อ และพูดย้ำจำนวนนิ่งอยู่ที่ 800,000 โด๊ส รวมทั้งการยืนยันว่า มีศักยภาพความสามารถที่จะฉีดได้ 10 ล้านโด๊สต่อเดือน

หมดเวลาพูด แต่ถึงเวลาทำให้ประชาชนเห็นจริงๆ ให้เกิดความเชื่อมั่นจริงๆได้หรือไม่

10 ล้านโด๊สต่อเดือน แปลว่า คน 60 ล้านคน จะต้องใช้เวลากว่าครึ่งปี จึงจะฉีดครบในโด๊สแรกเท่านั้น ซึ่งหมายถึงความเชื่อมั่นต่อธุรกิจการท่องเที่ยว ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นก่อนปลายปีนี้แน่นอน

รวมทั้ง ในผู้ที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 อย่างกรณีของศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก็เป็นคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว 1 โด๊ส ก็ยังติด นั่นสะท้อนว่า ถ้ายังฉีดไม่ครบ 2 โด๊ส ก็คือยังมีความเสี่ยงอยู่

ความเชื่อมั่นในเรื่องของวัคซีน กับปัญหาความล่าช้า จึงถือเป็นเครื่องหมายคำถามใหญ่เข้าใส่รัฐบาล ว่ามีฝีมือบริหารจัดการในเรื่องวัคซีนมากน้อยเพียงใด มีปัญญาที่จะทำได้จริงหรือไม่

ช่วงสงกรานต์ปีนี้ ที่หวังว่าธุรกิจจะมีสภาพคล่องเข้ามาบ้าง ก็กลายเป็นย่ำแย่อีกรอบ เพราะแม้ไม่มีคำสั่งให้ปิด แต่การเปิดร้านในสภาวะไม่เชื่อมั่น ก็ไม่ต่างกับการถูกปิดเท่าไรนัก เพราะคนไม่กล้าไป

การให้รองโฆษกรัฐบาลออกมากล่าวอ้างว่า ที่ไม่ให้เอกชนสั่งวัคซีนเข้ามาเพราะกลัวได้ของปลอม ไม่เพียงเป็นการแก้ตัวที่ไม่ฉลาด แต่ยังเป็นการดูถูกธุรกิจภาคเอกชนด้วย

ภูวนารถ ณ สงขลา