![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/06/แก้ปัญหาคอม.jpg)
ยุติตั้งครรภ์ได้ไม่ผิดกฎหมาย แต่โรงพยาบาลสังกัด กทม. ยังไม่บริการประชาชน ส.ก.ก้าวไกลเสนอตั้ง กมธ. แก้ปัญหา
![ยุติตั้งครรภ์ได้ไม่ผิดกฎหมาย แต่โรงพยาบาลสังกัด กทม. ยังไม่บริการประชาชน ส.ก.ก้าวไกลเสนอตั้ง กมธ. แก้ปัญหา](https://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/2-18.jpg)
![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/Nishikawa_Banner728x90px.gif)
ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2564 การยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย เป็นเรื่องที่ทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายในประเทศไทย จากการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 กำหนดให้หญิงอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ ทำแท้งได้โดยไม่ผิดกฎหมาย และมาตรา 305 กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภา ให้บริการยุติตั้งครรภ์ได้โดยไม่มีความผิด
.
แต่เรื่องนี้ก็คล้ายกับอีกหลายกรณี ที่การแก้ไขกฎหมายให้ก้าวหน้า ไม่อาจรับประกันว่าจะแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด หากทัศนคติของคนในสังคมบางส่วนยังไม่เปลี่ยนตาม กรณีการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย แม้ทำได้ถูกกฎหมาย แต่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติเพราะบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนปฏิเสธให้บริการ ทำให้ประชาชนต้องหาทางเลือกเถื่อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
.
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานครวันนี้ (17 มกราคม) ส.ก.เนอส ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย เขตบางซื่อ ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล จึงเสนอญัตติขอให้สภา กทม. ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการให้บริการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยในสถานพยาบาลสังกัด กทม.
.
ภัทราภรณ์ ระบุว่า ขอให้ทุกคนเปิดใจรับข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพียงมายาคติของสังคมที่รับฟังต่อกันมา ในการเสนอตั้งกรรมการเรื่องนี้ ได้ศึกษาพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ที่ผ่านการยุติการตั้งครรภ์ ภาคเอกชนที่ต่อสู้ด้านนี้มาเป็น 10 ปี และความคิดเห็นของบุคลากรทางการแพทย์ที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
.
[ ทางเลือกทางสุขภาพ ไม่มีใครตั้งใจท้องเพื่อทำแท้ง ]
.
จากสถิติของผู้เข้ารับคำปรึกษาเพื่อยุติการตั้งครรภ์ปี 2561-2565 พบว่าคนที่ยุติการตั้งครรภ์กว่า 80% มีอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยผู้มีอายุ 25 ปีหรือวัยทำงาน มีจำนวนมากกว่า 60% รวมถึงผู้มีอายุ 35-44 ปีมีแนวโน้มยุติการตั้งครรภ์สูงขึ้นเรื่อยๆ
.
นอกจากนี้ผู้ตั้งครรภ์กว่า 56.9% ที่เลือกยุติการตั้งครรภ์ เป็นคนที่มีบุตรมาแล้วอย่างต่ำ 1 คนหรือเคยผ่านการตั้งครรภ์มาแล้ว ที่สังคมเข้าใจกันว่าคนที่ยุติการตั้งครรภ์ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นท้องไม่พร้อม จึงไม่เป็นความจริง
.
ผู้ที่ยุติการตั้งครรภ์เพราะเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ แบ่งเป็นผู้ไม่มีรายได้ 32.9% ผู้มีรายได้ไม่แน่นอน 20.5% และส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนถึง 75.4% ส่วนผู้ที่ยุติการตั้งครรภ์เพราะเหตุผลทางด้านสุขภาพ 72.9% ก็มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน และ 60% ของคนที่ยุติการตั้งครรภ์ก็มีการใช้การคุมกำเนิดอีกด้วย
.
แบบเรียนสุขศึกษาระดับประถมก็สอนเราอยู่แล้วว่าไม่มีการคุมกำเนิดใดที่ได้ผล 100% ส่วนที่ไม่มีการคุมกำเนิดก็อาจเป็นเพราะไม่มีความรู้มากเพียงพอ กลัวอันตรายหรือถูกล่วงละเมิด อายุมากและประจำเดือนหมดแล้ว ไม่มีทุนทรัพย์พอในการเข้าถึงการคุมกำเนิด เพิ่งคลอดบุตรหรือแท้งบุตร เป็นต้น
.
นอกจากนี้ 85.6% ของผู้ขอใช้บริการมีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ตามกฏหมายกำหนด และหากอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์แต่เข้าเงื่อนไขกระทบต่อสุขภาพ หรือเกิดจากการกระทำความผิดทางเพศ รัฐก็สามารถให้บริการยุติการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐจะไม่ให้บริการแก่ประชาชนกลุ่มนี้
.
จากสถิติเหล่านี้ สรุปได้ว่าคนที่ยุติการตั้งครรภ์ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน เคยมีบุตร เป็นประชากรที่พลาดตั้งครรภ์จากการคุมกำเนิด มีอายุครรภ์ต่ำกว่า 12 สัปดาห์ตามกฎหมายกำหนด และอยู่ในฐานะที่ไม่พร้อมทางเศรษฐกิจ
.
[ เคยติดต่อ กทม. แต่เรื่องเงียบ ]
.
ภัทราภรณ์ กล่าวต่อว่า ภาพความเข้าใจเรื่องการทำแท้งในสังคมไทย มักออกมาในรูปแบบความน่ากลัว เลือดสาด เลวทราม และการลงโทษ รวมถึงผูกไว้กับศีลธรรมต่างๆ แต่ในความเป็นจริง การยุติการตั้งครรภ์ในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก
.
การยุติการตั้งครรภ์ในประเทศไทยปัจจุบันมีอยู่ 2 วิธี
(1) การกินยา Mifepristone หรือ Misoprostol ให้เกิดการขับออกภายใน 8-13 วัน ซึ่งสามารถกินยาแล้วกลับบ้านได้
(2) การใช้กระบอกสุญญากาศขนาดเล็กสอดเข้าไปในช่องคลอด ใช้เวลาเพียง 15 นาที และสามารถกลับบ้านได้เลย
.
ตนได้พูดคุยและหาความร่วมมือกับภาคประชาชนที่ต่อสู้เรื่องนี้มากว่า 13 ปี ทราบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการกับทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่า กทม. รวมถึง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่า กทม. เรื่องการนัดหมายเพื่อผลักดันเรื่องการยุติการตั้งครรภ์ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าใด จึงต้องใช้ช่องทางของสภากรุงเทพมหานครเป็นกระบอกเสียงให้กลุ่มคนที่ถูกรัฐมองข้าม โดยมีข้อเสนอต่อไปนี้
.
[ ป้องกันการเสียชีวิตจากการยุติตั้งครรภ์ได้ แต่รัฐต้องไม่เมินเฉย]
.
(1) ขอให้โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ให้บริการการยุติการตั้งครรภ์แทนการส่งตัวไปยังหน่วยงานเอกชน โดยใช้คณะกรรมการวิสามัญฯ นี้ พูดคุยถึงข้อจำกัดของทางโรงพยาบาลและหาทางออกร่วมกัน หากหมอปัจจุบันไม่ต้องการให้บริการก็อาจจ้างหมอภายนอกแทน
.
(2) ขอให้ศูนย์บริการสาธารณสุขใน กทม. ให้บริการการยุติการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการจ่ายยาได้ โดยอบรมหมอเดิมที่สมัครใจในการให้บริการ เนื่องจากการยุติการตั้งครรภ์ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอสูตินารีแพทย์ สามารถเป็นหมออายุรกรรมได้เช่นกัน
.
(3) ขอให้ กทม. ประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงของการยุติการตั้งครรภ์ว่าเป็นทางเลือกด้านสุขภาพ วิธีการยุติการตั้งครรภ์ของประเทศไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่สังคมเข้าใจ
.
วันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ เป็นวันยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยสากล จะเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับการพูดคุยหาทางออกอย่างเป็นรูปธรรม ที่ผ่านมาการที่เราไม่มีการให้บริการการยุติการตั้งครรภ์ที่เพียงพอ ก็ไม่ได้ทำให้การทำแท้งลดลง แต่เป็นการผลักภาระของหน่วยงานรัฐให้ประชาชนไปหาทางเลือกเถื่อนหลังบ้านที่อันตรายต่อชีวิต
.
ดังนั้นการเสียชีวิตจากการยุติการตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ เพียงแต่ภาครัฐต้องไม่เมินเฉยต่อการมีอยู่ของพวกเขาเท่านั้น
.
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภา กทม. มีมติเห็นชอบญัตติดังกล่าว และเสนอให้มีกรรมการวิสามัญทั้งสิ้น 17 คน
Facebook Comments