Digiqole ad

‘ยิ่งยศ’ กัญชง “พืชมหัศจรรย์” ดันเศรษฐกิจไทยพุ่ง

 ‘ยิ่งยศ’ กัญชง “พืชมหัศจรรย์” ดันเศรษฐกิจไทยพุ่ง
Social sharing

Digiqole ad

ถึงวันนี้กัญชาจะกำลังกลายเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในสังคมประเทศไทยว่า จะมีประโยชน์ หรือ มีการนำมาใช้เพื่ออะไรมากกว่ากัน ระหว่าง ใช้เพื่อการรักษาทางการแพทย์ หรือใช้เพื่อสันทนาการ เชื่อว่าหลายคง อาจลืมพืชอีกหนึ่งตัวที่มีคุณประโยชน์ทางการแพทย์ไม่แพ้กัน นั่นคือ กัญชง 

หลายคนอาจจะมองว่า กัญชง อาจมีประโยชน์เพียงแค่ การเป็นพืชที่ให้เส้นใยสูง เพื่อนำไปใช้ในการผลิตเครื่องนุ่งห่มแต่เพียงอย่างเดียว ทว่า สำหรับ ยิ่งยศ จารุบุษปานยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด กลับมองในทางตรงกันข้าม และมองเห็นว่ากัญชงอาจจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่น่าจะทำรายได้ให้กับประเทศไทยไม่ใช่น้อยเลยถ้าถามผมเรื่องคำจำกัดความสำหรับกัญชง ผมขอเรียกว่าเป็น พืชมหัศจรรย์ ที่น่าจับตามองมากที่สุดตัวหนึ่ง  เพราะไม่เพียงแค่เป็นพืชที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่มเท่านั้น แต่ซีอีโอ ของ ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี ยังเห็นคุณสมบัติในตัวของกัญชงอีกมากมาย 

ประโยชน์ของกัญชง 

สรรพคุณของกัญชง หากวิเคราะห์ให้ดีๆ แล้ว จะพบว่ามีสรรพคุณ ที่ครอบคลุม และสามารถนำมาใช้ได้ตั้งแต่เรื่องของ ยา เวชภัณฑ์ และ เครื่องดื่ม รวมไปถึงสิ่งของที่เราต้องใข้ในชีวิตประจำวันคุณยิ่งยศ บอกอีกว่า จริงๆ แล้วภายในลำต้นของกัญชง ยังมีสาระสำคัญชนิดหนึ่งที่เรียกว่า CBD ด้วยเราสามารถนำสารสกัด CBD นี้ มาพัฒนาเป็นยา และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งก็รวมถึง เครื่องสำอาง และสกินแคร์ หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อีกมากกว่าพันชนิด ที่ผ่านมาเราอาจเข้าใจกันว่า กัญชง มีไฟเบอร์สูง เหมาะสำหรับนำมาผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่มเท่านั้น แต่เรายังสามารถนำสารสกัดในตัวของกัญชง มาผลิตเป็นสินค้าแล้วส่งออกไปขายในต่างประเทศได้ด้วย 

ปัจจุบันมูลค่าของสารสกัด ที่ได้จากกัญชงในตลาดประเทศไทยปัจจุบัน มีมูลค่าอยู่ที่ 7,200 ล้านบาท แต่ในเชื่อว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือประมาณปี 2025 มูลค่าของสิ่งที่ได้จากกัญชง อาจจะพุ่งสูงไปถึง 40,000 ล้านบาทเลยทีเดียวจริงๆ อย่างที่บอกคือ ประเทศแคนาดา และ สหรัฐอเมริกา เขาได้ทำธุรกิจทางด้านนี้ มาก่อนประเทศไทยกว่า 30 ปีแล้ว และทางไทยลีฟฯ ก็ได้นำเององค์ความรู้เหล่านั้น มาประกอบกับความรู้ที่เรามีอยู่ เพื่อใช้ต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ได้เป็นอย่างดีทำให้เราไม่ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ แต่เราได้นับต่อจากเขาในก้าวที่ 31 เลย ทำให้เรามีสินค้า และผลิตภัณฑ์ ที่เป็นสูตรเฉพาะของราเอง 

ความร่วมมือระดับโลก 

เริ่มจากการทำงานวิจัย และร่วมมือกันพัฒนาเมล็ดพันธุ์กัญชง กับมหาวิทยาลัยคอร์เนล ในสหรัฐอเมนิกาในส่วนนี้ ไม่เพียงจะทำให้เราได้เมล็ดพันธุ์ที่มีความแข็งแรง กว่าเดิมเท่านั้น แต่ยังทำให้กัญชงที่เราได้นั้น มีสารสกัด CBD ที่มากกว่ากัญชงดั้งเดิมที่ประเทศไทยมีอยู่ รวมไปถึงยังได้ราก และลำต้นของกัญชงที่มีความแข็งแรง ยืนต้นได้นานกว่า 

เช่นเดียวกับ การร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในสิงคโปร์ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิด ที่ไม่ใช่แค่การสร้างความเชื่อมั่นทางด้านธุรกิจแต่ผมยังมองว่า นั่นจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้ช้องทางการตลาดเพื่อการส่งออกที่มากขึ้น เพราะจะว่าไปแล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา และ แคนาดาเอง ก็มีตลาดของเขาอยู่แล้วด้วย ซึ่งจะทำให้เราขยายช่องทางการตลาดของเราไปสู่ตลาดในอเมริกา และ ยุโรป ได้ไม่ยาก 

ตลาดเป้าหมาย

ขณะที่ในส่วนของตลาดในภูมิภาคเอเชีย ซีอีโอ บริษัท ไทย ลีฟ มองว่า ประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี จะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นเป้าหมายในการส่งออกผลิตภัณฑ์จากกัญชง ได้ดีเหมือนกันอย่างในประทศญี่ปุ่น โดยตัวประเทศเขาเอง ไม่สามารถที่จะผลิตสารสกัดจากกัญชงได้เอง โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นการนำเข้ามากกว่า

โดยสารสกัดที่นำเข้าญี่ปุ่นนั้น ซีอีโอ ไทย ลีฟ กล่าวว่าจะต้องเป็นสารสกัด Pure CBD แบบร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น รวมถึงจะต้องได้รับใบอนุญาตนำเข้าอย่างชัดเจนด้วย ส่วนเกาหลี ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะทางการของเกาหลี อนุญาตให้มีการนำเข้าสารสกัดกัญชง แบบ Medical Use เพื่อใช้เป็นยา และรักษาทางการแพทย์เท่านั้นซึ่งหากประเทศไทยสามารถผลิตและส่งออกสารสกัด CBD ตามที่ตลาดต้องการได้จริง ก็จะทำรายได้ให้กับประเทศไทย ได้อย่างมหาศาลทีเดียว

ไม่กลัวประเทศเพื่อนบ้านเป็นคู่แข่ง

สำหรับเรื่องของคู่แข่งทางการค้านั้น คุณยิ่งยศ กล่าวอย่างมั่นใจว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับประเทศไทย ที่กำลังจ้องมองสิ่งที่ประเทศไทยกำลังทำอยู่ทั้ง สปป.ลาว และ เวียดนาม วันนี้ ก็กำลังดูอยู่ว่า ประเทศไทยของเราทำอะไรไปแล้วบ้าง และมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และมีการแก้ไขอย่างไร ซึ่งเขาก็จะนำเอาส่วนนี้ ไปปรับใช้กับประเทศของเขาต่อไป แต่เท่าที่ผมได้คุยกับทางเวียดนาม และลาวมาแล้ว คิดว่า ในอีกปี ถึงปีครึ่งนับจากนี้ เขาอาจจะมีการออกกฏหมาย ที่ชัดเจนเกี่ยวกับพืชกัญชง และการใช้สารสกัด CBD แน่นอน โดยเฉพาะ เมื่อประเทศไทย สามารถผลิตได้ในปริมาณที่มากพอ ก็น่าจะมีการนำเข้า หรือ รั่วไหลเข้าไปในประเทศเหล่านี้แน่นอน ซึ่งทางประเทศของเขา ก็คงต้องมีการวางแผนในการรับมือ ที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างจริงจังมากขึ้น 

ส่วนที่ว่า เขาจะมาเป็นคู่แข่งในการผลิตเหมือนกับเรานั้น ตรงนี้ผมไม่ได้วิตกกังวล เพราะเชื่อว่า สิ่งที่มีอยู่ในมือของเรา รวมถึง ภูมิหลังของเรา ที่เป็นบริษัททางด้าน ฟาร์มาซูติคอล มีความแข็งแกร่งพอสมควร ขณะที่เราเองก็มีการพัฒนามาโดยตลอด และเป็นแบบก้าวกระโดด ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ หรือ หนึ่ง ก็ทำให้เรามีองค์ความรู้มากเพียงพอ ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้เร็วกว่า เทียบกับ คนที่ยังไม่เคยทำ หากจะทำก็คงต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ตรงนี้ จึงเป็นสิ่งที่ทางบริษัทไทย ลีฟ ของเรา มีความมั่นใจ และเชื่อว่า เราจะเป็นผู้นำในการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ กัญชง มากกว่าใคร 

แผนในอนาคต

ส่วนในอนาคต จะมีการขยายไปสู่การผลิตสินค้า หรือ ผลิตภัณฑ์ จากกัญชา หรือไม่นั้น ทางด้านซีอีโอ ไทยลีฟ ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้เพราะสาร THC ที่อยู่ในกัญชา ไม่ได้มีโทษ หรือ ใช่แค่การสันทนาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หากเจาะลึกเข้าไปในผลงานวิจัยทางการแพทย์แล้ว สารสกัดตัวนี้ ยังมีความสำคัญในการนำมารักษาทางการแพทย์เช่นกัน ซึ่งวันนี้ เราเองมีข้อมูล และมีการศึกษาทางด้านนี้อยู่มากเพียงพอ แต่ก็คงต้องรอให้กฎหมายของประเทศไทย มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการอนุญาตให้บริษัทเอกชน เข้ามาพัฒนาการผลิตสินค้าจากสารสกัด THC ก่อนเท่านั้นเอง 

อย่างไรก็ดี วันนี้ ด้วยการลงทุนมากกว่า 250 ล้านบาท และ คาดว่า จะต้องมีการขยายการลงทุนไปจนถึง 500 ล้านบาท นั้น ทำให้คุณยิ่งยศ คาดหวังด้วยว่า จะให้บริษัท ไทย ลีฟ กลายเป็นบริษัทที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะผลิตสินค้า และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ในราคาที่มีความย่อมเยา เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ของที่ดีที่ทสุดเพราะสิ่งที่เรามองเห็นสินค้า หรือ ผลิตภัณฑ์จากกัญชง ที่อยู่ในท้องตลาดวันนี้ ยังไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากนัก ทางไทยลีฟ จึงอยากเห็นผู้บริโภค ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และใช้แล้วเห็นผลจริง เพราะเรามองเห็นว่า ประโยชน์ที่ได้จากสาร CBD ของกัญชง ยังมีประโยชน์กับคนอีกมากมายบนโลกใบนี้ 

Facebook Comments


Social sharing

Related post