![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/06/แก้ปัญหาคอม.jpg)
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้โดยบริษัทร่วมทุนระหว่าง SFIs และ บบส. (JV AMC) เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ตามนโยบายรัฐบาล
![มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้โดยบริษัทร่วมทุนระหว่าง SFIs และ บบส. (JV AMC) เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ตามนโยบายรัฐบาล](https://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/Screenshot_2024-01-09-17-05-45-307-edit_com.android.chrome-850x560.jpg)
![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/Nishikawa_Banner728x90px.gif)
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566
รับทราบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้คงค้างกับสถาบันการเงินเป็นระยะเวลานานโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) (Joint Venture Asset Management Company : JV AMC) ภายใต้แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ ซึ่งจะทำให้ SFIs สามารถร่วมลงทุนจัดตั้ง บบส. และโอนหนี้บางส่วนของ SFIs ไปยัง JV AMC และเพิ่มความคล่องตัวในการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือตัดหนี้บางส่วนให้กับลูกหนี้นั้น
ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อส่งเสริมการร่วมลงทุนของ SFIs และ บบส. ในการจัดตั้ง JV AMC โดยคาดว่าจะสามารถออกประกาศได้ภายในเดือนมกราคม 2567 นอกจากนี้ ธนาคารออมสินอยู่ระหว่างการหารือเพื่อร่วมทุนจัดตั้ง JV AMC กับ บบส. ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความสนใจร่วมลงทุนเพื่อจัดตั้ง JV AMC ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2567 โดยในระยะแรกจะเริ่มช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารออมสินก่อน และจะขยายความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ของ SFIs อื่นในระยะต่อไป
กระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้การปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ของ SFIs มีความคล่องตัวและความยืดหยุ่นมากขึ้นสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขหนี้ทั้งระบบอย่างบูรณาการให้กับประชาชนทุกกลุ่มทั้งภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน
นอกจากนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการคลังที่มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจดูแลและช่วยเหลือประชาชนและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน ปัจจุบัน ธนาคารออมสินได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) จากเดิมร้อยละ 6.995 ต่อปี เหลือร้อยละ 6.845 ต่อปี มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระให้แก่ลูกหนี้ตามนโยบายดังกล่าว