
พระเครื่อง 8 หลัก


ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี ของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบทางการเมืองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งภายใต้แนวทางของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากว่ากระบวนการตรวจสอบอื่นๆไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ตามที่ควรจะเป็น และยิ่งบรรดาองค์กรอิสระที่เคยเป็นความหวังของสังคม แต่กลับกลายเป็นฝันร้ายของสังคม เพราะหลายองค์กรเลือกที่จะเป็นองค์กรภายใต้อำนาจการเมือง
เลยไม่มีอิสระอีกต่อไปในการที่จะตรวจสอบ
ทำให้ประชาชนถูกปิดหูปิดตาไปกับคำโฆษณาชวนเชื่อ ว่ารัฐบาลนี้ปราบทุจริต รัฐธรรมนูญปี 60 นั้นปราบโกง
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงหลายเรื่องปรากฏชัดถึงประเด็นของการทุจริต เพียงแต่ไม่ได้มีการตรวจสอบ จึงไม่มีความพยายามในการเอาผิดอย่างจริงๆจังๆ
คนที่อยู่รอบข้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เลือกมาใช้งาน กลายเป็นคนที่มีร่องรอยทุจริต มีอดีตสีเทา รวมทั้งมีคดีเป็นที่ประจักษ์ แต่กลับยังทำหน้าที่อยู่ต่อไปได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยรู้สึกที่จะตะขิดตะขวงใจในการที่จะเรียกใช้งานคนเหล่านี้
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า มีการใช้คดี ใช้ผลประโยชน์การเมือง แลกกับการมารับใช้ มาทำงานทางการเมืองให้นั้น เหมือนราวกับว่า จะไม่เคยได้ยินไปเข้าหูของคนชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา เลยสักนิด
ยิ่งเมื่อองค์กรอิสระ ขบวนการยุติธรรมไร้ประสิทธิภาพ ยิ่งทำให้ข้ออ้าง “ก็แล้วมันผิดกฎหมายหรือเปล่า”ยิ่งดังมากเป็นพิเศษ
ดังจนกลบเสียงสงสัยของประชาชนไปจนหมดสิ้น
อภิปรายครั้งนี้ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ พูดได้ตรงประเด็น กับการระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้สร้างระบบทุนผูกขาดขึ้นมา เพราะบางคนมีส่วนช่วยในการยึดอำนาจ จริงหรือเท็จ รู้อยู่แก่ใจ สร้างระบบ ยุติธรรมสามานย์ขึ้น สร้างหลักฐานเท็จ เพื่อทำลายศัตรูฝ่ายตรงข้าม ทำให้ระบบคุณธรรมหายไป สถาบันที่เป็นที่เคารพรัก ไม่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์มากเท่ากับยุคนี้ เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน
โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า พูดกันให้แซ่ด ว่ามีอดีตผู้บัญชาการเก่าในพื้นที่ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพระ ลือกันว่า พระที่แขวนบนคอของนายกฯหลายองค์ อดีตผู้บัญชาการคนนี้เป็นคนมอบใหม่ มีราคา 8 หลักขึ้นไป
สำหรับประเทศไทยยุคปัจจุบัน รสนิยมเรื่องพระเครื่อง เรื่องนาฬิกาแพง เป็นสิ่งที่พูดยาก
แม้แต่ ป.ป.ช. ก็ยังแบ๊ะ แบ๊ะ… พึ่งอะไรไม่ได้
อัคคี กัมปนาท