Digiqole ad

ผู้แทนการค้าไทย หารือกับผู้อำนวยการโครงการ “Thai Silk Road to the World” พร้อมด้วยคณะทูตและผู้แทนสถานกงสุล 13 ประเทศ เ

 ผู้แทนการค้าไทย หารือกับผู้อำนวยการโครงการ “Thai Silk Road to the World” พร้อมด้วยคณะทูตและผู้แทนสถานกงสุล 13 ประเทศ เ
Social sharing

Digiqole ad
นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่าได้หารือกับผู้อำนวยการโครงการ Thai Silk Road to the World พร้อมด้วยคณะทูตและผู้แทนสถานกงสุล 13 ประเทศ เพื่อเตรียมจัดมหกรรมผ้าไหมไทยสู่เส้นทางโลก โดยจะเป็นงานรวบรวมผ้าไหมร่วมสมัยทั้งในและนานาชาติ และกิจกรรมต่างๆมากมายเพื่อผลักดันผ้าไหมไทยเป็น Soft power ให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลก
.
1.นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่าได้พบหารือกับ นายกิตติ ประทีปนาฎศิริ ผู้อำนวยการโครงการ Thai Silk Road to the World พร้อมกับคณะทูตและผู้แทนสถานกงสุล 13 ประเทศ เพื่อหาแนวทางในการร่วมผลักดันผ้าไหมไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลก ซึ่งถือเป็นการใช้ผ้าไหมเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ส่งเสริมเศรษฐกิจไทย รวมทั้งได้หารือการเตรียมจัดการประกวดชุดผ้าไหมและลายผ้าไหมไทยร่วมสมัยทั้งในประเทศและนานาชาติในช่วงต้นปีหน้า โดยคณะทำงานดังกล่าว จะได้เข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพูดคุยถึงแนวทางการสนับสนุนของรัฐบาลร่วมกับสมาคมส่งเสริมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทย คณะทูตต่างประเทศ พร้อมด้วยภาครัฐและเอกชนอีกหลายแห่ง
.
2. ผู้แทนการค้าไทยกล่าวต่อว่า ขณะนี้ผ้าไหมไทยเริ่มเป็นที่รู้จักกันในตลาดโลกทั้งในกลุ่มดีไซเนอร์ชั้นนำและประชาชน รัฐบาลจึงมีแนวคิด ‘การทูตผ้าไหมไทย’ เป็นตัวเชื่อมการค้า การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเอกอัครราชทูตหลายประเทศนิยมสวมใส่ชุดผ้าไหมไทยที่มีการออกแบบและถักทอที่เป็นเอกลักษณ์ และต้องการให้ช่างทอผ้าของประเทศของตนกับช่างทอผ้าของไทย ได้ร่วมกันทำงาน ผสานเส้นใยหรือวัตถุดิบระหว่างกันเพื่อสร้างมิติใหม่บนผืนผ้า
.
3. ที่น่ายินดียิ่งทางหนึ่งคือ เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ทางสมาคมส่งเสริมผ้าไหมฯ ได้ประสานการออกแบบและผลิตเสื้อผ้าไหมไทยด้วยผ้าจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จำนวน 2 ชุด เพื่อมอบให้แก่นายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ผู้ที่ชื่นชอบชุดผ้าไหมไทยเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผ้าไหมไทยทางหนึ่ง และอีกทางหนึ่งภายในประเทศ เราได้ส่งเสริมการศึกษาด้านการออกแบบและตัดเย็บผ้าไหมไทยในวิทยาลัยอาชีวศึกษาหลายแห่ง และยังสนับสนุนอาชีพที่เกี่ยวกับไหมไทย เพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืนด้วย
.
4.”รัฐบาลต้องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ขนานใหญ่จากการค้าการลงทุน และการส่งออก โดยข้อมูลปีที่ผ่านมาเราส่งออกไหม ทั้งรังไหม ไหมดิบ เศษไหม และด้ายไหมมากกว่า 224 ตัน มูลค่ากว่า 184 ล้านบาท ตลาดหลักคือญี่ปุ่น สหรัฐฯ จีน ฝรั่งเศส และตุรกี ส่วนไหมผ้าผืนและเสื้อผ้าสำเร็จรูป มีมูลค่าประมาณ 138 ล้านบาท ตลาดสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ดังนั้น รัฐบาลนี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผ้าไทยเป็นที่รู้จักในตลาดโลก สร้างชื่อเสียง สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ ชุมชน และไปสู่มือของเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้มากที่สุด” ผู้แทนการค้าไทย กล่าว
ที่มา : เพจพรรคเพื่อไทย
Facebook Comments


Social sharing

Related post