![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/06/แก้ปัญหาคอม.jpg)
ป้ายสุดท้าย…พรรคประชาธิปัตย์
![ป้ายสุดท้าย…พรรคประชาธิปัตย์](https://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2023/12/ปลายซอย17.jpg)
![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/Nishikawa_Banner728x90px.gif)
วันที่ 6 เมษายน 2489 พรรคประชาธิปัตย์ถูกก่อตั้งขึ้นโดยพันตรีควง อภัยวงศ์ ด้วยอุดมการณ์ “ไม่สนับสนุนระบบและวิธีแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ”
พรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของไทย เคยได้ชื่อว่าเป็น “เสาหลักประชาธิปไตย”ของประชาชน เคยเป็นสถาบันที่ผลิตนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ ที่มีฝีปากกล้า ที่มีจิตใจกล้าหาญที่จะเผชิญหน้าเผด็จการ มีหัวหน้าหน้าพรรคที่เคยได้ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้วนับตั้งแต่นายควง อภัยวงศ์ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แม้แต่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ก็ถือเป็นผลผลิตคนหนึ่งจากพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะแยกไปเติบโตในเส้นทางการเมืองของตนเอง
ความเสื่อมถอยของพรรคประชาธิปัตย์ที่กลับมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งในวันนี้ เริ่มมาตั้งแต่ปี2538 เมื่อรัฐบาลที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจกที่ดินส.ป.ก. 4-01 ให้เศรษฐีภูเก็ต ส่งผลให้นายชวน หลีกภัย ในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ นั้บแต่นั้นมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยชนะการเลือกตั้งอีกเลย
การเลือกตั้ง 10 ครั้งที่ผ่านมา
– ปี 2538 พรรคชาติไทย ชนะ พรรคประชาธิปัตย์ 92 ต่อ 86 เสียง
– ปี 2539 พรรคความหวังใหม่ ชนะ พรรคประชาธิปัตย์ 125 ต่อ 123 เสียง
– ปี 2544 พรรคไทยรักไทย ชนะ พรรคประชาธิปัตย์ 248 ต่อ 128 เสียง
– ปี 2548 พรรคไทยรักไทย ชนะ พรรคประชาธิปัตย์ 377 ต่อ 96 เสียง
– ปี 2549 พรรคประชาธิปัตย์ บอยคอตการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
– ปี 2550 พรรคพลังประชาชน ชนะ พรรคประชาธิปัตย์ 233 ต่อ 68 เสียง
– ปี 2554 พรรคเพื่อไทย ชนะ พรรคประชาธิปัตย์ 265 ต่อ 159 เสียง
– ปี 2557 ลุงกำนัน(สุเทพ เทือกสุบรรณ) ในนาม กปปส.เป่านกหวีตต่อต้านการเลือกตั้ง วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ระดมพลชัตดาวน์กรุงเทพฯ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
– ปี 2562 พรรคเพื่อไทย ชนะ พรรคประชาธิปัตย์ (อันดับ 4) 136 ต่อ 53 เสียง
– ปี 2566 พรรคก้าวไกล ชนะ พรรคประชาธิปัตย์ (อันดับ 6) 151 ต่อ 25 เสียง
กาลเวลามีผลให้เสาหลักประชาธิปไตยกลายเป็น “ไม้หลักปักขี้เลน” มีผลให้พรรคของคนดี ใสซื่อมือสะอาด พรรคของเหล่าสุภาพบุรุษสุภาพสตรีประชาธิปไตยที่เทิดทูนการเลือกตั้ง กลายเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี และเป็นตัวจุดชนวนวิกฤติการณ์ทางการเมืองในหลายครั้ง
ความเสื่อมถอยของพรรคที่สังคมจดจำคือ การทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตยไปเล่นนอกเกมเพื่ออำนาจทางการเมือง เช่นการร่วมตั้งรัฐบาลในค่ายทหารปี 2551 ดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผลให้เกิดการชุมนุมของคนเสื้อแดงเพื่อขับไล่รัฐบาล นำมาสู่การปราบปรามและล้อมปราบด้วยกระสุนจริงและความตายเกือบ 100 ศพ บาดเจ็บหรือพิการอีกนับพันโดยไม่มีผู้รับผิดชอบ
เช่นเดียวกับการกลืนน้ำลายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นำพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งแบบหมดรูปในปี 2562 แล้วยังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคสช.ให้ครองอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 4 ปี
การเลือกตั้งล่าสุดปี 2566 แม้ไม่ได้ถูกชวนเข้าร่วมขั้วรัฐบาลแต่กลุ่มส.ส.ประชาธิปัตย์ก็ยังฝืนมติพรรคโหวตสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนมองว่าทำตัวเป็นพรรคอะไหล่รอเสียบ สะท้อนถึงภาวะของพรรคที่หมดแล้วซึ่งหลักการ ไร้อุดมการณ์ ไร้ศักดิ์ศรี
ความเปลี่ยนแปลงที่ถดถอยของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงเวลา 28 ปีที่ผ่านมาจึงไม่อาจโยนบาปทั้งหมดไปยัง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคคนที่ 9 แต่เพียงผู้เดียว หรือเพียงเพราะ “ตระบัตสัตย์” ว่าจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิตเมื่อนำพรรคพ่ายแพ้อีกครั้งในการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา
ถ้าจะให้ยุติธรรม อดีตหัวหน้าพรรคทุกคนนับแต่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถอนตัวจากการแข่งขันกับนายเฉลิมชัย และลาออกจากสมาชิกพรรค รุ่นใหญ่เหล่านี้ล้วนมีส่วนรับผิดชอบต่อทุกก้าวเดินของพรรค สมควรถกแขนเสื้อกรีดเลือดออกมาให้ดูกันว่าเป็น “สีฟ้า”จริงอย่างที่คุยหรือเปล่า
ส่วนก้าวต่อไปของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายเฉลิมชัย อาจจะเป็นพรรคต่ำ 10 หล่นอันดับไปอยู่ท้ายตาราง หรืออาจจะไปสู่การสูญพันธุ์ไร้ที่นั่งในสภา เพราะปรามาสคุณสมบัติของหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ว่า ขาดบุคคลิกของผู้นำทางการเมือง ฝีปากไม่คมอภิปรายในสภาไม่โดดเด่น มีตำหนิจากการไม่รับผิดชอบคำพูดของตนเอง ส่วนสส.ที่เป็นลูกทีมก็ล้วนแต่อ่อนพรรษา ฯลฯนั้น
ส่วนใหญ่คือมุมมองของคนที่โดดขึ้นฝั่งถีบหัวเรือเพราะเชื่อว่าเรือกำลังจะล่ม หรือคนนอกที่ยืนอยู่ริมฝั่งเฝ้าดูเรือลำนี้ที่พายวนเวียนอยู่ในอ่างการเมืองไทยในช่วงหลังเกือบ3ทศวรรษแบบไร้อนาคต
นักวิชาการด้านการเมืองท่านหนึ่งกล่าวแบบแทงใจดำว่า พรรคประชาธิปัตย์แค่ปรับโครงสร้างยังไม่พอ ต้องรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ เพราะวิถีของพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบันไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนไทยในยุคปัจจุบันต้องการ
อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคนที่โบกมือลา เอ่ยคำขวัญของพรรคที่ว่า “ สจฺจํ เว อมตา วาจา” คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย
แต่สโลแกนของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ขึ้นไว้บนหน้าเฟสบุ๊กว่า “ อยู่ให้มีศักดิ์ศรี ดีให้มีคุณค่า บ้าให้มีเหตุผล ทนให้มีเป้าหมาย และตายให้มีคนจำ”
เหมือนจะบอกว่า อย่าหมิ่นคนบ้า ที่กล้าตระบัดสัตย์ เพราะอาจจะมีผลงานมากกว่า คนที่ “ดีแต่พูด”