
น้อยใจถูกมองว่าโง่


ถึงกับโอดครวญว่า ทำไม ทำอะไร แนะนำอะไร กลับถูกมองว่าโง่ ว่าเป็นคำแนะนำที่ไม่เข้าท่า
ก็ยังดีที่คนชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังรับรู้ได้ถึงมุมมองความรู้สึกของประชาชน ว่าเป็นอย่างไร
อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าบรรดาเสียงตำหนิ เสียงก่นด่าของประชาชน ได้ยินไปถึงหูคนชื่อประยุทธ์ อย่างแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือ ทั้งๆที่รู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศรู้สึกอย่างไร ทำไมยังคงดูเหมือนกับว่าจนถึงวันนี้ยังไม่มีความฉลาดมากพอที่จะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดได้เลย
เพราะคำพูดที่ตามมาหลังจากเอ่ยปากอย่างรวดร้าวว่าทำไมทำอะไรจึงถูกมองว่าโง่ ก็คือการที่ยังคิดได้แค่ว่า หรือประชาชนจะไม่ได้รับรู้ถึงผลงานของรัฐบาล
จากนั้นก็เป็นการสั่งให้บรรดารัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงในกระทรวง ไปเร่งโปรปากันด้า ไปเร่งตีปี๊บให้ดูว่ามีผลงานออกมาเยอะๆ ให้ประชาชนได้รับรู้
เมื่อคิดได้แค่นี้ สุดท้ายจึงยังคงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ได้โชว์ถึงความเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดอยู่ดี
สุดท้าย จึงยังเป็นผู้นำที่ถูกตำหนิว่า แนะนำ หรือทำอะไรที่โง่ๆอยู่เป็นประจำ
ถามว่า ทำไมการสั่งการแก้ปัญหาครั้งนี้จึงยังคงถูกมองว่าโง่ และยิ่งพูดยิ่งกลายเป็นเหมือนจะยิ่งโง่หนักขึ้น ก็เพราะถือเป็นความคิดและคำพูดที่ดูถูกประชาชน คิดออกมาได้อย่างไรว่าประชาชนไม่ได้รับรู้ ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นว่า รัฐบาลมีผลงานอะไร
ขอโทษทีประชาชนไม่ได้หูหนวกตาบอด ประชาชนไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่ารัฐบาลมีหรือไม่มีผลงาน
การที่บอกให้ไปเร่งประชาสัมพันธ์ผลงาน จึงยิ่งเป็นการโชว์ความโง่หนักมากยิ่งขึ้น
วันนี้ที่ประชาชนก่นด่า ก็เพราะนอกจากมองเห็นความโง่ของรัฐบาลและความดื้อด้านดันทุรังของรัฐบาลแล้ว ยังพากันรู้สึกว่า รัฐบาลคณะนี้ต้องขับเคลื่อนด้วยการก่นด่า ถึงจะได้ผล
ถ้าจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ให้ประชาชนรู้สึกว่าคนชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา และบรรดารัฐมนตรีที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนอย่างอิ่มเอม ไม่ได้โง่อย่างที่ประชาชนดูถูก สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องออกมายอมรับความผิดพลาดของผลงานช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ว่าผิดพลาดจริงๆ แก้ไขปัญหาล้มเหลวจริงๆ
แล้วหลังจากนั้นจึงค่อยโชว์วิธีการแก้ไขปัญหาที่ชาญฉลาด ว่าจะสร้างความยอมรับให้เกิดกับประชาชนได้อย่างไร
ไม่ใช่คำแนะนำพื้นๆที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว อย่างเปิดแอร์คู่เปิดพัดลม เลี้ยงไก่ไว้กินไข่ ปลูกพืชผักสวนครัว คนไทยเขาทำกันมานานแล้ว ยิ่งเอาเรื่องที่หาได้ในกูเกิ้ลมาแนะนำ เขาถึงได้มองว่าเป็นคำแนะนำโง่ๆไง
สิ่งที่เขาอยากฟังคือการแก้ไขปัญหาที่ได้ผล ไม่ใช่มาตรการลอกเลียนแบบที่ทำซ้ำๆซากๆแม้จะเห็นแล้วว่าไม่เกิดผลก็ตาม
ถ้าไม่มีมาตรการที่แสดงถึงสติปัญญาว่าแก้ไขปัญหาให้ประชาชนทุกคนทุกกลุ่มได้ ก็ยากที่เสียงก่นด่าและขับไล่ จะหมดไป
ภูวนารถ ณ สงขลา