
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หวังผลักดันให้ “ทุกเดือนเป็นไฮซีชั่นท่องเที่ยวไทย” เตรียมเสริมพีอาร์เชิงรุ


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หวังผลักดันให้ ‘ทุกเดือนเป็นไฮซีชั่นท่องเที่ยวไทย’ เตรียมเสริมพีอาร์เชิงรุก พร้อมพิจารณายกเว้นวีซ่าบางประเทศดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่ม ดึงเงินเข้าประเทศ ย้ำปัญหา PM 2.5 ต้องเร่งแก้ก่อนฝุ่นพิษจะมา เจรจาประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องการเผาป่า
.
1. นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีประกาศการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน โดยได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการบ้างแล้ว ซึ่งเห็นความกระเตื้องของการทำ Booking เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการที่มีท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากก็จะดี ในส่วนข้อกังวลปัญหาความมั่นคงได้สั่งการไปยังผู้การจังหวัดเชียงใหม่ว่าเป็นเรื่องสำคัญ อย่าให้บกพร่อง อย่าให้มีปัญหาเรื่องคนจีนเทาหรือเรื่องอื่นที่ไม่ดี
.
2. นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า สำหรับเรื่องงบประมาณ ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นไม่ห่วง เราสามารถทำได้ แต่เรื่องความปลอดภัย ความมั่นใจของนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนักท่องเที่ยวจะไปประเทศที่ปลอดภัยที่สุด ดังนั้นจึงจะทำการพีอาร์เชิงรุก พีอาร์เชิงบวกที่เกี่ยวกับประเทศไทย เพื่อเป็นการเชื้อเชิญคนจีนหรือนักท่องเที่ยวต่างๆ ให้เข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ อย่างเช่นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดําริแห่งนี้ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ต้องมีการเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอีก สำหรับการประเมินตัวเลขเม็ดเงินเข้าไทยหลังเปิดฟรีวีซ่าจีนนั้นกำลังประเมินอยู่ เพราะมีเรื่องทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ด้วย
.
3. สำหรับการจะยกเว้นวีซ่าให้ประเทศอื่นอีกหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังพิจารณาในหลายๆ มิติ โดยจะพิจารณาแต่ละประเทศโดยเอาข้อมูลสถิติมาดู และอาจจะมีการยืดระยะเวลา ต้องขอเวลาศึกษาก่อน โดยกรอบเวลาจะพยายามให้ทันไฮซีซั่นของปีนี้ ทั้งนี้หากบริหารจัดการการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีระบบที่ดีก็เชื่อและเป็นความฝันว่าทุกๆ เดือนจะเป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวของประเทศไทย
.
4. ในส่วนการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษจังหวัดเชียงใหม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน อีกประมาณ 3-4 เดือนก็จะถึงช่วงที่ไม่ดี และเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวมีความกังวลเรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีวิธีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเรื่องการเผาป่า โดยจะมีการประชุมและแถลงแผนงานเรื่องนี้ให้ทราบต่อไป
.
5. นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงปริมาณน้ำในภาคเหนือที่มีน้อยกว่าปีที่แล้ว ขณะที่ทางภาคอีสานมีน้ำมาก แต่ยังมีความหวังว่าอีกประมาณ 1 เดือนกว่าๆ นี้จะมีฝนมาอีก ดังนั้นจึงต้องบริหารจัดการน้ำให้ดี ไม่ขาดน้ำในการอุปโภคบริโภค การบำรุงรักษาระบบนิเวศต้องไม่เสื่อมที่เหลือเป็นน้ำภาคการเกษตรและการอุตสาหกรรม
.
6. นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกร เนื่องจากภาคการเกษตรต้องการน้ำมากที่สุดและที่เป็นห่วงคือการทำนาปรัง เพราะถ้าจะห้ามทำนาปรัง เกษตรกรก็จะไม่มีรายได้ หากจะให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชพันธุ์อื่นทดแทนก็ต้องมั่นใจว่ามีเมล็ดพันธุ์และองค์ความรู้ต้องพอเพียง รวมไปถึงเรื่องการตลาดเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้เกษตรกรมั่นใจ
.
7. นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการผลักดันโครงการผันน้ำยวมเติมน้ำเขื่อนภูมิพล ที่กรมชลประทานเสนอ โดยให้มีการศึกษาเพื่อดำเนินการต่อ รวมถึงโครงการท่อส่งน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธาราที่ก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ เหลืออีกเพียงประมาณ 10-20% ซึ่งได้พยายามเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีนี้ เพื่อเติมเต็มปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ อันจะเป็นการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว ขณะที่สำหรับโครงการขนาดใหญ่ การมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญและจะต้องให้พี่น้องประชาชนเห็นด้วย
.
8. สำหรับการแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ลดราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ขณะที่ผู้ใช้น้ำมันเบนซินมีเสียงสะท้อนจะมีสิทธิ์ไหมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “มีสิทธิ์ ขอให้ใจเย็น ค่อยๆ ทำทีละเรื่อง อะไรที่ทำได้ ผมทำไปก่อน ไม่อยากจะประกาศพร้อมกันหมด หากจะให้ประกาศพร้อมกันหมดอาจต้องรอ 2-3 สัปดาห์ซึ่งวันนี้เรื่องราคาน้ำมันดีเซลเราทำได้แล้ว เรื่องไฟฟ้าเราทำได้แล้วและจะทำอีก อาจจะไม่หยุดอยู่แค่ที่ 4.10 บาทก็ได้ อาจจะต่ำกว่านั้นก็ได้ เพราะตระหนักดีว่าพี่น้องประชาชนเดือดร้อนทุกๆ ภาคส่วน ไม่อยากให้ต้องคอยประกาศที่เป็นแพลนใหญ่ แต่อยากให้พี่น้องประชาชนทราบ อะไรที่ทำได้เราทำก่อน”
ที่มา : เพจพรรคเพื่อไทย
Facebook Comments