Digiqole ad

นายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” กล่าวปาฐกถาในงาน iBusiness Forum 2024 หัวข้อ “RESHAPING THAILAND FOR A SUSTAINABLE FUTURE พลิกเศรษฐกิจไทย ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน

 นายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” กล่าวปาฐกถาในงาน iBusiness Forum 2024 หัวข้อ “RESHAPING THAILAND FOR A SUSTAINABLE FUTURE พลิกเศรษฐกิจไทย ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน
Social sharing

Digiqole ad
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในงาน iBusiness Forum 2024 หัวข้อ RESHAPING THAILAND FOR A SUSTAINABLE FUTURE พลิกเศรษฐกิจไทย ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
.
1. นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า อนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร จะยั่งยืนมั่นคงแค่ไหน อยากให้ทุกคนเข้าใจปัญหารากฐานจริง ๆ ของประเทศไทย ตนเองขอใช้พีระมิดแทนปัญหาของประเทศไทย ปัจจุบันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ฐานของพีระมิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านเสถียรฐานะ ซึ่งเป็นปัญหาที่หมักหมมของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน วันนี้ตนเองจะไม่ได้พูดถึงว่าใครเป็นต้นตอของเรื่อง แต่จะมาพูดถึงการแก้ไขปัญหา และการยอมรับปัญหา ซึ่งทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ หน่วยงานความมั่นคง องค์กรอิสระต่าง ๆ ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่รัฐบาลแก้ไขปัญหาฝ่ายเดียว ถึงแม้ว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นรัฐบาลจะมีอำนาจมาก แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาคนเดียวได้
.
2. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฐานรากพีระมิดของประเทศไทย 99% ของประชากร มีปัญหาหนี้สิน ปัญหายาเสพติด ปัญหาค่าแรงที่ไม่เหมาะสม รวมถึงปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร ทุกท่านทราบดีแล้วว่าหลาย ๆ รัฐบาล มีการแก้ไขปัญหาผ่านมาตรการต่าง ๆ โดยใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาส่งผลให้หนี้สาธารณะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการที่แท้จริง รัฐบาลชุดนี้ต้องการทำอย่างบูรณาการ เช่นเดียวกับประเทศที่เจริญแล้ว ต้องการทำเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนจริง ๆ ไม่ใช่หวังคะแนนเสียง และเชื่อว่ารัฐบาลจะทำให้รายได้สุทธิของเกษตรกรเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ภายในระยะเวลา 4 ปี ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก แต่รัฐบาลจะทำให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพ ผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรที่ยังเป็นรองหลาย ๆ ประเทศคู่แข่ง รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มผลผลิต เพิ่มคุณภาพ ซึ่งเป็นที่มาของรัฐบาลในการใช้เกษตรแม่นยำ เพื่อให้รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ดี ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลให้ความสำคัญและพร้อมสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอต่อการดำเนินการ
3. สำหรับเรื่องการบริหารจัดการน้ำ นายกฯ ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ โดยมีการลงทุนสนับสนุนงบประมาณจำนวนมากในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาไม่ให้น้ำท่วม และน้ำไม่แล้ง เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำเพียงพอต่อการทำการเกษตร อันจะส่งผลดีคุณภาพและราคา โดยนายกฯ ย้ำว่า การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะใช้งบประมาณอย่างเดียวไม่เพียงพอ จะต้องใส่ใจในการแก้ไขปัญหาด้วย ที่ผ่านมาตนเองได้ใส่ใจศึกษาปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งน้ำท่วมทุกปี แต่ปีน้ำไม่ท่วมเพราะว่าได้ใส่ใจต่อการแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องเสียงบประมาณ
.
4. นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมีโอกาสที่จะดึงดูดนักธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องของพลังงานสะอาด ถือเป็นเครดิตของหลาย ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สามารถผลิตพลังงานสะอาดได้ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ที่ต่างมีส่วนช่วยทำให้อากาศไม่เลวร้ายไปกว่านี้ เหนือสิ่งอื่นใดคือเป็นจุดที่สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศได้ นอกจากมาตรการทางภาษีและระบบสาธารณสุข รวมถึงการศึกษา นักธุรกิจให้ความสำคัญเรื่องพลังงานสะอาดเป็นหลัก ซึ่งจากที่ตนเองได้พูดคุยหารือกับบริษัทชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Microsoft หรือ Google ต่างให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสะอาด
5. นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการท่องเที่ยวว่า ทุกท่านทราบดีว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่ยังไม่สามารถใช้จ่ายงบประมาณได้ จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียว ซึ่งรัฐบาลใช้นโยบายอย่างเดียวในการดำเนินงาน โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ไม่ว่าการให้วีซ่าฟรีกับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งช่วงแรก ๆ ก็มีเสียงคัดค้านเรื่องเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว แต่ต่อจากนั้น ก็เกิดผลสำเร็จทำให้ได้รับวีซ่าฟรีอย่างถาวรทั้งสองประเทศ ถือว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ทำกับประเทศจีน รัฐบาลเดินหน้าทำต่อไปกับหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ นายกฯ มีแนวคิดจัดคอนเสิร์ตศิลปินดัง ๆ ระดับโลกในประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่รัฐบาลพร้อมสนับสนุน เชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการจัด และสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ จะต้องมีการจัดเทศกาลต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้พักอยู่ในประเทศไทยหลาย ๆ วัน ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้จากท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
6. เรื่องของสนามบิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครั้งสุดท้ายที่มีการลงทุนสร้างสนามบินขนาดใหญ่ คือสนามบินสุวรรณภูมิ การที่จะลงทุนอะไรต่าง ๆ ต้องมองย้อนไปว่าคุ้มหรือไม่ อย่างเช่น สนามบินสุวรรณภูมิถ้าหากไม่มีการลงทุนในวันนั้น วันนี้ยังคงมีแค่สนามบินดอนเมือง จะเกิดอะไรขึ้น และทุกวันนี้สนามบินสุวรรณภูมิเริ่มแน่นแล้ว จะต้องมีการปรับปรุงรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ตั้งแต่ปรับตารางการบินที่สนามบินเชียงใหม่ ให้สามารถบินได้หลังเที่ยงคืน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และผู้ประกอบการก็มีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่วนที่จังหวัดภูเก็ต เศรษฐีทั่วโลกต้องการจะมา แต่ไม่มีหลุมจอดเครื่องบินส่วนตัว ทำให้เขาเลือกที่จะไม่เดินทางมา
.
7. “มีหลากหลายมิติที่จะทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ตนเองเชื่อว่าทุกท่านเข้าใจและทราบดี อยากให้ทุกคนโฟกัสที่ศักยภาพของประเทศไทยไม่ใช่ปัญหา ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพมาก รัฐบาลมีความตั้งใจในการดึงศักยภาพขึ้นมา ให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว และทำให้ประชาชนที่อยู่ในประเทศนี้มีความภาคภูมิใจ มีความยินดี มีสิทธิเสรีภาพทางด้านจิตใจ เลือกประกอบอาชีพได้ครบทุกมิติ และทำให้ประชาชนมีความสุข” นายกฯ ย้ำ
.
เพจพรรคเพื่อไทย
Facebook Comments


Social sharing

Related post