นายกฯ เผยผลสำเร็จการเจรจาดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่เกิดขึ้นแล้ว 3 บริษัทคือ Google, Microsoft และ AWS (Amazon Web Services)

 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขณะปฏิบัติการกิจเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยผลสำเร็จการเจรจาดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่เกิดขึ้นแล้ว 3 บริษัทคือ Google, Microsoft และ AWS (Amazon Web Services) รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท พร้อมกันนี้ยังได้หารือกับ Walmart และ Western Digital โดย Walmart เตรียมมาไทยจัดหาสินค้าการเกษตรป้อน Walmart ทั่วโลก

.

1. ผู้บริหารบริษัท Google เข้าพบนายกรัฐมนตรี โดยบริษัท Google เป็นผู้ดำเนินธุรกิจบริการด้านซอฟต์แวร์และโซลูชันชั้นนำระดับโลก และมีการขยายการลงทุนสร้าง Data Center เพิ่มเติมในอาเซียนโดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในทางเลือกสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีในโอกาสครบรอบ 10 ปี Data Center แห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ฉางหัว ไต้หวัน และยินดีที่ Google พิจารณาไทยเป็น 1 ในสถานที่ตั้งที่มีศักยภาพสำหรับการสร้าง Data Center ประเทศที่ 11 ของบริษัทจากทั่วโลก และแห่งที่ 4 ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งนี้ ในนามของรัฐบาลไทยยินดีสำหรับการลงนาม MOU ระหว่าง Google กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) โดยไทยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของประเทศ และพัฒนาการให้บริการสาธารณะผ่านการเปลี่ยนแปลงบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการลงทุนในไทยของบริษัทฯ อย่างเต็มที่

.

2. ผู้บริหารบริษัท Microsoft เข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรี โดยบริษัท Microsoft ดำเนินธุรกิจ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Productivity and Business Processes, Cloud (Azure) ครอบคลุมทั้งรูปแบบ Public, Private และ Hybrid และ Personal Computing ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ เช่น คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป แท็บเล็ต ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ในประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรียินดีกับบริษัท Microsoft ที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลไทย ซึ่งยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความพร้อมของรัฐบาลไทยในการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการให้บริการสาธารณะด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำความมั่นใจว่าลงทุนในประเทศไทยจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล

.

3. ผู้บริหาร Amazon Web Services นำโดย Michael Punke, Global Vice President, Public Policy ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีพร้อมชื่นชมในการผลักดันการเติบโตของประเทศไทยผ่านเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงและเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม AWS เดินหน้าให้การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลในทันที เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัล และ innovation hub ผ่านการมาลงทุนของเทคโนโลยีคลาวด์ (AI, ML, data analytics, IoT) นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณและพร้อมให้การสนับสนุน AWS ซึ่งเป็น hyperscale data center ระดับโลกเจ้าแรกที่กำลังลงทุนก่อสร้าง AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในประเทศไทย ด้วยงบประมาณกว่า 1.9 แสนล้านบาท (US$5 พันล้านบาท) ในระยะเวลากว่า 15 ปี

.

4. ผู้บริหารบริษัท Walmart เป็นบริษัทค้าปลีกสัญชาติอเมริกาและเป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ Walmart จัดซื้อหาสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง และนายกรัฐมนตรีชวนเชิญให้พิจารณาตั้งศูนย์กระจายสินค้าในไทย โดยใช้จุดแข็งในที่ตั้งใกล้แหล่งผลิตสินค้าในไทย เสริมความแข็งแกร่งให้ supply chain อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งสำนักงานประจำภูมิภาค ด้านทางผู้บริหาร Walmart ก็มองเห็นไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบที่มีศักยภาพเช่น สินค้าเกษตร ข้าว ผลไม้ โดยคาดว่าจะเดินทางมาเมืองไทยเพื่อหาวัตถุดิบใหม่ๆ

.

5. ผู้บริหารบริษัท Western Digital เป็นผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิต Hard Disk Drive ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท และเป็นโรงงานผลิต HDD เพียงแห่งเดียวที่มีขั้นตอนการประกอบทดสอบขั้นสุดท้าย บริษัทฯ จึงมีส่วนช่วยสำคัญให้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออก HDD รายใหญ่ที่สุดของโลก นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้ทราบว่าบริษัทฯ จะย้ายสายการผลิตหัวอ่าน (Recording Head) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สุดชิ้นส่วนหนึ่งของระบบ HDD ทั้งหมดมาที่ไทย ซึ่งการเลือกย้ายฐานผลิตหัวอ่านมาไทยนี้ จะทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนสำคัญนี้แห่งเดียวในโลกของ WD แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของบริษัทที่จะขยายลงทุนต่อเนื่องในไทย ทั้งนี้บริษัทฯ ยังพิจารณาที่จะย้าย Headquarter มาตั้งที่ไทยด้วย

.

6. นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด พูดคุยกับศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเด็นการพัฒนาสตาร์ทอัพ ที่ประเทศไทยยังไม่มียูนิคอร์น หรือบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าทางการตลาดสูง เกิน 36,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะให้นักลงทุนต่างประเทศ หรือคนรุ่นใหม่ที่อยากจะมาอยู่ในประเทศไทย ได้พัฒนาธุรกิจให้กลายเป็นยูนิคอร์นให้ได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้พูดคุยกับนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ดอีกด้วย

.

ที่มา