Digiqole ad

‘นพ.สุทธิพงษ์’ ธุรกิจศัลยกรรมและความงามแนวโน้มโตต่อเนื่อง 

 ‘นพ.สุทธิพงษ์’ ธุรกิจศัลยกรรมและความงามแนวโน้มโตต่อเนื่อง 
Social sharing

Digiqole ad

จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันธุรกิจเสริมความงามหลายแห่งมีการปรับตัวเพื่อรองรับกับความต้องการของกลุ่มคนไข้ หรือ ผู้เข้ารับบริการ ด้วยการขยายตัวเป็นโรงพยาบาลเพื่อความงาม หรือโรงพยาบาลศัลยกรรมเพื่อความงามกันมากขึ้น เช่นเดียวกับ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ หนึ่งในศูนย์การแพทย์ชั้นนำด้านความงามที่มีความเชี่ยวชาญการรักษาและมีชื่อเสียงระดับเอเชียแปซิฟิกของไทยมานานกว่า 24 ปี   ก็มีแผนที่ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่การเป็นโรงพยาบาลนวัตกรรมความงามและการรักษาแบบครบวงจรที่มีมาตรฐานคุณภาพระดับสากลในปี 2567 นี้

 

นายแพทย์ สุทธิพงษ์ ตรีรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เปิดเผยถึงแนวโน้มของธุรกิจศัลยกรรมและความงามว่า หลังจากที่ประเทศมีการฟื้นตัวขึ้น หลังผ่านวิกฤตโควิด-19 มา หนึ่งในเทรนด์ที่กำลังมาแรงที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง การดูแลสุขภาพ และการเสริมความงามเรียกว่า เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นในช่วงนี้ โดยเราจะเห็นว่า ธุรกิจด้านศัลยกรรมความงามมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข ดับเบิลดิจิต 

ในส่วนของ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ก็เช่นกัน ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีอัตราการเติบโตสูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ซึ่งเมื่อเทียบกับอดีต เรามักเห็นการเติบโตกันที่ประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ขณะที่การคาดการณ์ในต่างประเทศก็มองว่าธุรกิจนี้ มีแนวโน้มการเติบโตที่ไม่ต่างกัน 

ประเทศไทย HUB ศัลยกรรมเพื่อความงาม 

นพ. สุทธิพงษ์ กล่าวว่าการที่ประเทศไทยมีตัวเลขการเติบโตในธุรกิจเสริมความงามมากกว่าที่มีการคาดการณ์กันในระดับโลก นั่นเพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจุดเด่นหลายอย่าง โดยเฉพาะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ที่ถือเป็นศูนย์กลางของประเทศในกลุ่มอินโดจีนก็ว่าได้ ในส่วนตัวของผมคิดว่า นอกจากประเทศไทยจะมี Location ที่ดีแล้ว ระบบคมนาคมขนส่งของประเทศไทยก็มีประสิทธิภาพสูงกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านด้วยกันเอง มีความสะดวกสบาย สามารถใช้เวลาเดินทางระยะสั้นแบบไปเช้าเย็นกลับได้ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงมองว่าตลาดธุรกิจเสริมความงามในประเทศไทย จึงไม่ใช่แค่ตลาดที่มีมูลค่าเพียง 70 ล้านบาทเท่านั้น แต่ถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านบาทก็ว่าได้ ขณะที่กำลังซื้อทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านก็มีเพิ่มมากขึ้น 

ในส่วนของโอกาส และสัดส่วนของการลงทุน นพ. สุทธิพงษ์ กล่าวย้ำถึงการเติบโตของธุรกิจความงามในประเทศไทยว่าเวลานี้ ถือเป็นที่น่าดึงดูดของนักลงทุนเป็นอย่างดี หากดูตัวเลขการเติบโตในไตรมาสแรกของปี เราถือว่า มีการเติบโตเป็นอย่างดี ซึ่งทำให้เชื่อว่า ในไตรมาสที่ 3 และ ไตรมาสที่ 4 น่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นหลายเท่า และน่าจะมากกว่าไตรมาสแรก 

การแข่งขันสูง แต่ยังน่าลงทุน

ผมมองว่า ทุกวันนี้การแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมเสริมความงาม มีค่อนข้างสูงทีเดียว ยิ่งในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงจะมีผู้ประกอบการหน้าใหม่ในธุรกิจเดียวกันนี้เกิดขึ้นเยอะขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีคุณหมอที่มาจากสาขาทางการแพทย์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ ด้านความงามโดยตรง ยังกระโดดลงมาเล่นในธุรกิจเดียวกันนี้เหมือนกันและมีมากขึ้นกว่าเดิมด้วย 

ปัจจัยเสริมการลงทุน

ถามว่า ในเมื่อมีการแข่งขันกันสูงเช่นนี้ นักลงทุนยังกล้าที่จะลงทุนในธุรกิจความงาม อีกหรือไม่? ซึ่งคำตอบก็คือ แน่นอน นักลงทุนยิ่งมีความสนใจมากขึ้น นพ. สุทธิพงษ์ อธิบายให้ฟังว่า เหตุผลที่ทำให้นักลงทุน ยังคงสนใจในธุรกิจนี้ ก็เนื่องมาจากปัจจัยหลายๆ อย่างปัจจัยแรกเลยก็คงเป็นเพราะตลาดในธุรกิจนี้ เป็นแบบ  Elasticity of Demand หรือ ตลาดที่มีความยืดหยุ่นเรื่องความต้องการซื้อ นั่นก็หมายความว่า แม้ราคาจะปรับสูงขึ้น แต่ก็ยังสามารถขายได้ ไม่เหมือนกับตลาดอื่น ๆ ที่เมื่อมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ ก็จะส่งผลในแง่ลบทันที

นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องของ การเปลี่ยนแปลงของประชากร ซึ่งนับว่ามีผลต่อการดึงดูดการลงทุนเช่นกันวันนี้ กลุ่มผู้สูงอายุมีมากขึ้น นั่นแปลว่า อายุเฉลี่ยของคน มีเพิ่มมากขึ้นตาม ทำให้ความต้องการในเรื่องของการดูแลสุขภาพ หรือแม้แต่ความงามก็มีมากขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับ เรื่องของกฎระเบียบ และใบอนุญาต ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการแพทย์ ก็ส่งผลกับอุตสาหกรรมความงามเหมือนกัน การที่มีกฎระเบียบออกมาปกป้องธุรกิจ ก็จะทำให้เกิดการปรับตัว และมีโอกาสทำให้ธุรกิจความงามเล็ก ๆ ต้องการขยายตัวให้มาเป็นโรงพยาบาล 

นวัตกรรม สร้าง Demand

หรือแม้แต่ การมองหานวัตกรรม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจ ก็ยังทำให้กลุ่มผู้ที่ต้องการรับบริการทางการแพทย์ มีความเชื่อมั่นต่อการรักษามากขึ้น ส่งผลดีให้อุตสาหกรรมความงามเติบโตขึ้น และทำให้ดีมานด์เพิ่มขึ้นอีกด้วยเห็นได้ว่าหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลมีอัตราที่เติบโตขึ้นมากในช่วงวิกฤตโควิด ซึ่งกลายเป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนกล้าที่จะทุ่มเงินเข้ามาลงทุนกับธุรกิจความงามและโรงพยาบาลหลายแห่ง เพราะตัวเลขการเติบโตในช่วงดังกล่าว ขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว แตกต่างไปจากหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ที่มีทิศทางตรงกันช้าม 

อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่เชื่อว่ามาแน่นอน นั่นคือ การที่กลุ่มคนไข้ หรือ ผู้รับบริการความงาม ต้องการมองหาความปลอดภัยในการรักษา หรือ แม้แต่การผ่าตัดจากที่สังเกตเห็น กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งพวกเขายังเชื่อว่า โรงพยาบาล เป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งมีความปลอดภัยในการรักษาคนไข้ และเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ โรงพยาบาลเฉพาะทาง ที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าถึงง่ายกว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และคนส่วนใหญ่จะหันไปใช้บริการโรงพยาบาลเฉพาะทางมากกว่าโรงพยาบาลทั่วไปนพ. สุทธิพงษ์ กล่าวเสริม

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ

นพ. สุทธิพงษ์ บอกถึงหนึ่งในกลยุทธ์ของการดำเนินธุรกิจของรัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ว่าเราได้พาร์ทเนอร์ เป็น Developer ที่มีศักยภาพอย่าง ฟิโก้ กรุ๊ป ที่มีแนวคิดเดียวกัน ในการสร้างศูนย์กลางของ Wellness Destination จึงทำให้เกิดความร่วมมือครั้งสำคัญ  โดยในส่วนของเรา ก็จะบริหารจัดการอาคารที่เป็นตึกเฉพาะ เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลที่ตอบโจทย์มากที่สุด และเรากำลังทำงานร่วมกันอยู่ ซึ่งคาดว่า อาคารโรงพยาบาล น่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งจะทำให้เกิดการดึงดูดชาวต่างชาติ ให้เช้ามารับบริการ โดยเฉพาะ กลุ่มลูกค้าชาวจีน ที่ต้องการความพรีเมี่ยมเป็นพิเศษ 

อย่างไรก็ดี ในส่วนของการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์หรือไม่นั้น นพ. สุทธิพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายในช่วงการพูดคุยว่าตอนนี้ เรากำลังมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานภายในองค์กร เพื่อเตรียมพร้อมในการรองรับการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการรองรับกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับรัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ต่อไป 

######

Facebook Comments


Social sharing

Related post