![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/06/แก้ปัญหาคอม.jpg)
ทักษิณ ณ จันทร์ส่องหล้า
![ทักษิณ ณ จันทร์ส่องหล้า](https://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/02/ปลายซอย17-2.jpg)
![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/Nishikawa_Banner728x90px.gif)
“บ้านจันทร์ส่องหล้า” ซอยจรัญสนิทวงศ์ กรุงเทพฯ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลับมาเป็นศูนย์กลางจักรวาลอีกครั้ง ถนนทุกสายเปลี่ยนจากดูไบกลับมามุ่งสู่จันทร์ส่องหล้าอีกครั้ง
เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทยได้รับการ “พักโทษ”ออกจากโรงพยาบาลตำรวจกลับไปพักที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อเช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 หลังจากต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศยาวนาน 16 ปี เมื่อนับจากวันที่ 11 สิงหาคม 2551 ที่หลบคดีออกนอกประเทศ
ภาพแรกของทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าที่ถูกเผยแพร่ออกมาคือชายวัย 74 ปี สวมเสื้อเชิร์ตแขนสั้น กางเกงขาสั้น มีเฝือกอ่อนที่คอและผ้าคล้องแขน นั่งอยู่อย่างเดียวดายตรงต้นไม้ริมสระน้ำ เหมือนเสือที่หมดเขี้ยวเล็บ เหมือนคนเจ็บที่ไร้เรี่ยวแรง
กระนั้นหรือ!?!
เพราะมีการตั้งคำถามและการพยายามหาข้อเท็จจริงมาตั้งแต่วันแรกที่นอนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจว่าป่วยเป็นอะไร ป่วยหนักขนาดไหน จนผ่านไป 6 เดือนคนป่วยนั่งรถออกจากโรงพยาบาลจึงเพิ่งได้คำอธิบายจากคนใกล้ชิดว่า ตอนอยู่ต่างประเทศทักษิณเคยติดเชื้อโควิด-19 ถึงสามรอบ โดยรอบแรกมีอาการหนักถึงขั้นเข้าไอซียูเป็นเดือน มีผลให้ปอดไม่สามารถใช้งานได้ 100% เหมือนบุคคลทั่วไป เมื่อติดเชื้ออีกสองรอบทำให้มีอาการลองโควิดเพราะมีอายุกว่า 70 ปีแล้ว
กรณีที่ดามคอนั้นมีคำชี้แจงว่าเป็นโรคกระดูกคอเสื่อม ซึ่งมีผลจากการตรวจละเอียดหรือเอ็มอาร์ไอที่ โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนการใช้ผ้าคล้องแขนก็เพราะโรคเส้นเอ็นเปื่อยซึ่งเป็นโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ ต้องได้รับการกายภาพไม่ต่ำกว่า 1 ปีจึงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
จะเป็นดราม่า จะเท็จหรือจริง หรือจริงๆเท็จๆ ขึ้นอยู่ที่ว่าท่านเลือกที่จะเชื่อหรือไม่
แต่ความจริงคือนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 การเมืองไทยไม่เคยก้าวข้ามทักษิณ และวันนี้ทักษิณได้รับการพักโทษแล้ว แม้จะยังมีคดีความเหลืออยู่ซึ่งบางคนเชื่อว่าเป็นชนักที่พร้อมจะปักใส่ทักษิณได้ทุกเมื่อนั่นคือ คดีที่ถูกกล่าวหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน นายทักษิณเคยถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 มาแล้วถึง 11 ครั้ง แต่มี 7 คดีที่ไม่สั่งฟ้องเพราะพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง อีก 4 คดีที่เหลือโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดบอกว่าการสอบสวนยังไม่สิ้นกระแสความ เนื่องจากอัยการสูงสุดมีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าว ได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวและนัดให้มาพบพนักงานอัยการอีกครั้งในวันที่ 10 เมษายน 2567
คดีม. 112 ของทักษิณต่างจากที่หลายๆคนติดคุกและพรรคก้าวไกลโดนกล่าวหาให้ยุบพรรค เป็นข้อกล่าวหาตอนที่ทักษิณอยู่ต่างแดน ซึ่งเชื่อว่าเมื่ออยู่ในดีลการเมืองก็ควรจะหลุดทุกข้อกล่าวหา
กลับมาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ขณะที่สังคมกำลังจับตาว่าในบรรดานักการเมืองไทย ใครจะเป็นคนแรกที่เข้าพบทักษิณ นายเศรษฐา ทวี สิน นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่พูดว่าหากมีโอกาสจะไปขอคำชี้แนะในการบริหารประเทศ หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่พูดเอาไว้ตามสไตล์ผู้นอบน้อมว่า หากหายดีแล้วจะไปกราบเพราะเป็นเจ้านายเก่า
แต่แขกคนแรกของจันทร์ส่องหล้าที่สร้างเซอร์ไพร์สอย่างมากกลับเป็นนักการเมืองจากบ้านใกล้เรือนเคียง สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่นั่งเครื่องบินส่วนตัวบินมาเยี่ยมเพื่อนรักทักษิณและกินข้าวเที่ยงด้วยกันอย่างชื่นมื่น
นอนโรงพยาบาลตำรวจที่ชั้น 14 จนครบ 180 วัน ไม่เคยปรากฏตัว แต่สามารถแย่งพื้นที่สื่อ ออกจากโรงพยาบาลแค่ 3 วันก็ยังมีภาพมีข่าวบนพื้นที่สื่อได้อีกทุกวันให้นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามได้อิจฉา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เคยก้าวข้ามทักษิณ กล่าวถึงการพักโทษว่า “ความจริงเรื่องนักโทษเทวดาเป็นการซ้ำเติมความเสื่อมของรัฐบาล ซึ่งต้องยอมรับว่าหลายเดือนที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารราชการแผ่นยดิน นอกจากยังไม่มีผลงานปรากฏเป็นรูปธรรมที่เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว ยังปรากฏกรณีนักโทษเทวดา ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่รู้เห็นเป็นใจกัน ตั้งแต่บุคคลระดับนายกรัฐมนตรีลงไปจนถึงบุคคลระดับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ที่น่าเป็นห่วงที่สุดอีกเรื่องคือ กรณีนักโทษเทวดาจะกลายเป็นการส่งสัญญาณทำให้คนไทยอาจจะเกิดความเข้าใจว่าโกงแล้วได้ดี ต่อไปใครคิดจะโกงก็ได้ไม่เป็นไร สุดท้ายถูกลงโทษก็อาจจะกลายเป็นนักโทษเทวดาก็ได้ นี่เป็นการส่งสัญญาณที่เป็นตราบาปสำหรับรัฐบาล จะติดตัวรัฐบาลตลอดไป”
พรรคประชาธิปัตย์วันนี้กลายเป็นแค่ไม้ประดับ ส่วนพรรคเพื่อไทยที่ก่อนหน้านี้เสียศูนย์ไปเยอะกำลังกลับมาตั้งลำใหม่เมื่อนายใหญ่กลับสู่จันทร์ส่องหล้า
คอการเมืองมีประเด็นสนทนา “กองบัญชาการจันทร์ส่องหล้า” นายใหญ่พรรคเพื่อไทยจะกลับมาทำหน้าที่บัญชาการเกมการเมืองอย่างเต็มตัว อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวสุดที่รักที่พาพ่อกลับบ้านได้สำเร็จ รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว เตรียมนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนต่อไป
คนเสื้อแดงชูป้าย ขวัญใจกลับมาแล้ว คนเก่งกลับมาแล้ว หวังว่าจะกอบกู้เศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งดังเช่นที่เคยสร้างผลงานในอดีต จะดันโครงการแจกเงินดิจิทัล จะดันแลนด์บริดจ์ จะดันซอฟต์พาวเวอร์
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทักษิณจะ “โลว์โปรไฟล์” ไม่แสดงบทบาททางการเมืองแบบออกนอกหน้าต่อหน้าสาธารณะชนไปอีกสักพักใหญ่ ไม่ทำตัวเองให้เป็นเป้าหมู่บ้านกระสุนตกซึ่งจะส่งผลกระทบไปยังพรรคเพื่อไทยด้วย แต่ในด้านลึกย่อมต้องช่วยอุ๊งอิ๊งขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทย และช่วยเศรษฐานำรัฐนาวาฝ่าคลื่นลมเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
ทักษิณเป็นนายกฯเงาของพรรคเพื่อไทยมานานแล้ว ตั้งแต่นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯสมัคร สุนทรเวช และย่อมรวมถึงนายกฯเศรษฐา ทวีสิน โดยไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งใดๆทางการเมืองให้เปลืองตัว
เพราะทักษิณเคยประกาศเอาไว้ว่าหากได้กลับบ้านอย่างสันติ จะไม่ทำตัวให้เป็นปัญหาต่อประเทศไทย จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อคนไทยและรับใช้ประเทศชาติ โดยนอกจากการเลี้ยงหลานแล่ว 1.จะช่วยคิดวิธีการแก้ปัญหาให้รัฐบาล 2. จะรับจ้างบรรยายด้วยค่าตัวโอเลี้ยงแก้วเดียวก็พอ 3.ชวนเศรษฐีไทยมาลงขันช่วยส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพ 4.จะส่งเสริมให้พระพุทธศาสนามีความเข้มแข็ง
ข้อสุดท้ายเคยบอกว่าจะเป็นเพื่อนออกรอบตีกอล์ฟกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ฝีมือจะอ่อนด้อยกว่า