“ต่างชาติ” รู้ดี..สถานการณ์นี้ เห็นทีไม่มา “ท่องเที่ยวไทย”
“ขายความเชื่อมั่น ต่างชาติน่าจะฝันสลาย”
หนึ่งในปัจจัย ที่ “นักลงทุนต่างชาติ” พากันหนี “ประเทศไทย” เทเม็ดเงินไปสร้างโรงงานที่ “เวียดนาม” เพราะไม่เชื่อใน “ระบอบประยุทธ์” นั่นไง
ใช้ “การท่องเที่ยวขายนำทาง” หาสตางค์เป็นงานหลัก ในการนำ “ดอลล่าร์-ยูโร-เย็น และ หยวน” เข้ามาพัฒนาประเทศ ให้ชาติเจริญ
ใครจะมาเที่ยวประเทศไทยกันล่ะหนอ..แค่เป็นผู้ถูกกล่าวหา ยังบริสุทธิ์เต็มมาตรฐาน “ส่งฟ้องไม่ให้ประกัน” นักท่องเที่ยวชาติต่างๆ ในโลกกว่า ๒๐๐ ประเทศเขารู้เขาทราบ ถึงความเป็นจริงทุกอย่าง-เสร็จสรรพ
ท่องเที่ยวเอาอะไรมาโกย..เสียงหวนโหย “ปล่อยเพื่อนเรา” ดังเช่นนี้-ขอรับ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ประชาชนเดือดร้อน รัฐบาลควรอาทรร้อนใจ เข้าช่วยเหลือ”
เขานำความทุกข์ใจ มาประชิดติดทำเนียบฯ เพื่อให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ”..ซึ่งเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ใช่-ออกอาการเบื่อ
ในยุคของ “พ่อขุนรามคำแหงมหาราช” ที่ปากประตูวัง มีการ “แขวนกระดิ่ง”เอาไว้ ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนให้สั่นกระดิ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาของชาวบ้าน ให้ลุล่วง
แต่ พ.ศ.นี้ ยุคที่คนเกิดใน “รัฐบาลประยุทธ์” เขาเดือดร้อนมีปัญหากันอย่างหนัก หวังหนีร้อนมาพึงเย็น เพื่อให้ “นายกฯประยุทธ์” ปัดเป่า เพื่อให้แก้ไขและบรรเทาทุกอย่างให้ทุเลาลง แต่กลับถูกกล่าวหาว่าทำผิด ส่งเสียงดัง
เป็นหัวหน้ารัฐบาล..ไม่ช่วยชาวบ้าน น่าจะไม่เหมาะ-กระมัง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“จากบ้านนรสิงห์ ข้าราชการเก่าสมัย ร.๖ มาเป็นทำเนียบรัฐบาล”
เป็นสถาปัตย์ริมแกรนด์คาแนลเวนิส สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๖๐ ก่อนที่ “จอมพล ป.” นำมาเป็นทำเนียบรัฐบาล ..ตกถึง พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นเวลา ๑๐๔ ปีแล้ว ที่ผันผ่าน
“รัฐบาลประชาธิปไตย” และ “รัฐบาลเผด็จการ” ใช้ทำเนียบตึกไทยคู่ฟ้า เป็นศูนย์อำนาจแห่งแผ่นดิน มี “นายกฯ”และ “รัฐมนตรี” เข้ามาเป็นพันเป็นหมื่นชีวิต โดยที่ไม่ได้ติดตั้ง “ลิฟท์” เพื่อคงสภาพความงดงามเอาไว้ทุกตารางนิ้ว
กระจอกข่าว ทั้งเหยี่ยวสาวนักข่าวหนุ่ม เห็นว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ หน.พรรคพลังประชารัฐ ไปหาเสียงเลือก ที่นครศรีธรรมราช ต้องขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปปราศรัย เลยเอามาใช้ติดที่ทำเนียบฯกันมั่ง
สร้างเพื่อบริการ “พล.อ.ประวิตร”..ไปสะกิดแผลอะไร “นายกฯประยุทธ์” จึงได้โกรธ-เสียจัง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“รู้จักการให้เกียรติ น่ากระเดียด ให้เกียรติประชาชน สักครั้ง”
แสดงออกถึงการรู้แพ้รู้ชนะ “ประชาธิปัตย์” แสดงความยินดี ที่ “พรรคพลังประชารัฐ” ชนะเลือกตั้งซ่อมเขต ๓ นครศรีธรรมราช..ถึงจะเป็นแชมป์เก่า แต่ก็ไม่ได้ขายหน้าที่แพ้ ..แต่ประชาชนเขาสังเวช-ทุเรศจัง
ต้องการลบ กลบเสียงของประชาชน ที่ตราหน้า “พรรคประชาธิปัตย์” แพ้คาบ้านใจกลางเมืองศรีฯ ของ “ไอ้ไข่” ควรที่จะลาออกจากรัฐบาล เพราะยิ่งอยู่ “แม่ธรณีบีบม้วยผม” น้ำตาคงจะเป็นสายเลือด เป็นแน่แท้
อยากเห็น “ประชาธิปัตย์” รู้จักให้เกียรติประชาชน เหมือนกับที่ให้เกียรติ “พลังประชารัฐ” ที่กำลังขย่มถล่มพรรคธงฟ้าให้แตกเป็นจุณ.. “ประชาชน” อยากได้เกียรติความจริงใจ “ประชาธิปัตย์”ลาออกจากรัฐบาลสักที
เกียรติแสนจะธรรมดา..ให้เกียรติแก่ชาวประชา เลิกเหอะการ-เกาะเก้าอี้
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“เสพอำนาจ จนขาดการกลั่นกรอง”
จาก “กลุ่มแม่น้ำ ๕ สาย” รับบำเหน็จรางวัล “รัฐบาล คสช.” แล้วสืบต่อมาเป็น “สว.ลากตั้ง” ควรพอต่อการล้างมือ ปล่อยวางอำนาจได้แล้วนะ-พี่น้อง
หาก “สว.ลากตั้ง ๒๕๐ คน” คิดที่จะ “คว่ำรัฐธรรมนูญ”..ทำให้ “๓ อำนาจแห่งประชาธิปไตย” ของ “พื้นที่สภา” กลายเป็นสถานที่ไร้ความหมาย แก้ไขรัฐธรรมนูญกันไม่ได้
เมื่อ “สภา” กลายเป็นอากาศธาตุ ที่ว่างเปล่า ไขว่คว้าจับจ้อง เป็นของประชาชนไม่ได้ เพราะมีแต่ “แก๊สและลมเท่านั้น” ชาวบ้านที่จะอาศัยสภาแก้รัฐธรรมนูญฉบับอวยเผด็จการ ก็ต้องหันมาลงถนน วิกฤตจะรุนแรงสุดๆ
คนไทยเป็นพวกไทยเฉย..แต่เรื่องนี้มากจังเลย สมควรที่-จะหยุด
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ลานประหาร เผด็จการพม่า ลั่นสไนเปอร์ยิงเจาะศีรษะคน อย่างเหี้ยมโหด”
เยาวชน และ ประชาชน ที่ตกเป็นเหยื่อ กะโหลกแตกด้วยแรงปืน “สไนเปอร์” น่ารัดทด
“ยูเอ็น” ออกมาตรการด่วนแล้ว ในการล่าตัว “มิน อ่อง หล่าย” เผด็จการใจทราม ที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนชาติเดียวกัน เพื่อหวังอยู่ในอำนาจ
พฤติการณ์โฉด ชั่ว และ ทราม “ชาวพม่า” จึงสู้แม้ตัวตาย..ซึ่งกองกำลังทหารและตำรวจ “มิน อ่อง หล่าย” คงได้ไฟเขียวล่าหัวชาวพม่า เพื่อที่ตนจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่
พลิกดูเหตุการณ์ในอดีต..พวกเสพติดอำนาจ มัก-ฆ่าตัวตาย
“กะพรุนไฟ”
๙ มีนาคม ๒๕๖๔
