ตามเทรนด์มาส์คหน้าทุกวัน ดีจริงหรือแค่การตลาด? พร้อมวิธีการมาส์คหน้าทุกวันอย่างไรให้เห็นผล
การมาส์คหน้า เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนการบำรุงผิวหน้าสุดเบสิก ที่ในอดีตหลายๆ คนอาจมองข้ามไป คิดว่าไม่มีความจำเป็นมากนัก แค่ทาครีมก็เพียงพอแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว การมาส์คหน้า ไม่ว่าจะเป็นมาส์คแบบแผ่น แบบครีม หรือแบบสลีปปิ้งมาส์คนั้นสามารถช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก อีกทั้งปัจจุบันยังมีการพัฒนามาส์คออกมาหลากหลายสูตร ซึ่งสามารถแก้ปัญหาผิวต่างๆ ได้ตรงจุดมากขึ้นจึงเกิดเป็นเทรนด์ “การมาส์คหน้าทุกวัน” จากอินฟลูเอนเซอร์ฝั่งเกาหลีที่เผยให้เห็นถึงผลลัพธ์ ทั้งหน้าดูกระจ่างใส รอยดำ หรือรอยแดงแลดูจางลง และยังช่วยลดโอกาสเกิดสิวได้อีกด้วย! ทำเอาทั้งหนุ่มๆ สาวๆ ไม่ว่าจะวัยไหนต่างก็อยากลองทำตามกันทั้งนั้น แต่หลายคนก็ยังกล้าๆ กลัวๆ ลังเลว่าการมาส์คหน้าทุกวันดีจริงหรือเป็นแค่การตลาดเท่านั้น? บทความนี้จึงจะมาไขข้อข้องใจว่าการมาส์คหน้าทุกวันดีจริงไหม พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์มาส์คหน้าประเภทต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง แต่ละประเภทเหมาะกับผิวหน้าแบบไหน ให้ผลลัพธ์อย่างไร เพื่อให้การมาส์คหน้าทุกวันเห็นผลดี ตอบโจทย์กับปัญหาผิวของทุกคนได้มากที่สุด ใครอยากมีผิวแลดูสุขภาพดี ตามไปดูกันเลย!
ไขข้อข้องใจ การมาส์คหน้าทุกวันดีจริงไหม?
การมาส์คหน้าทุกวันเป็นขั้นตอนการบำรุงผิวที่ให้ผลลัพธ์ดีจริง เพราะตัวมาส์คสามารถช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกมากยิ่งขึ้น ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างล้ำลึก เทียบเท่ากับการใช้มอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น ปลอบประโลมผิวหน้าจากสารสกัดต่างๆ และส่วมผสมที่มีในตัวมาส์ค ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ เปปไทด์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และอื่นๆ อีกมากมายตามสูตรของมาส์คหน้าแต่ละยี่ห้อ ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของผิวจากมลภาวะที่ผิวหน้าได้รับในทุกวันได้ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงผิว ดันสกินแคร์และเซรั่มตัวอื่นๆ ให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ไวยิ่งขึ้น เราจึงเห็นผลลัพธ์จากการใช้สกินแคร์ได้ไวมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากต้องการมาส์คหน้าทุกวัน ควรพิจารณาจาก ‘สภาพผิว’ ด้วย อย่างคนที่เป็นสิว ผิวแพ้ง่ายก็ไม่ควรมาส์คหน้าทุกวัน เพราะผลิตภัณฑ์มาส์คหน้าจะมีส่วนผสมที่เข้มข้น และค่อนข้างเหนียวเหนอะหนะ อาจจะไปอุดตันรูขุมขน จากที่จะเป็นตัวช่วยก็กลับกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สิวขึ้นได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์มาส์คหน้าที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก หรือมาส์คที่เคลมว่าช่วยต่อต้านโอกาสเกิดริ้วรอย เพราะมาส์คเหล่านี้จะมีสารผลัดเซลล์ผิว แม้ว่าจะช่วยฟื้นฟูผิวหน้าได้จริง แต่ก็มีพร้อมกับผลข้างเคียงทำให้ผิวหน้าบอบบางลง หากใช้เป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่องโดยไม่พักผิว ก็มีส่วนทำให้ผิวระคายเคืองได้ด้วย ดังนั้น เพื่อให้การมาส์คหน้าเห็นผลดี ได้ผลลัพธ์จากการมาส์คหน้าดีที่สุด ไร้ปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา แนะนำให้มาส์คเพียง ‘สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง’ ก็เพียงพอที่จำให้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการมาส์คหน้าทุกวันแล้ว ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงอื่นๆ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นได้อีกด้วย!
มาส์คหน้ามีกี่แบบ เลือกใช้แบบไหนดี?
การเลือกใช้มาส์คหน้าให้เหมาะสมกับความต้องการและปัญหาผิวก็จำเป็นไม่แพ้กับความถี่ในการมาส์คหน้า เพราะมาส์คหน้าแต่ละประเภทถูกพัฒนาและออกแบบสูตรขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ทุกวันนี้หากเราลองเข้าบิวตี้ช็อป ก็จะเห็นว่ามาส์คหน้ามีหลายประเภท เยอะแยะเต็มไปหมด ใครที่สับสนว่าควรเลือกใช้สูตรไหน แบบไหนดี มาทำความรู้จักมาส์คหน้าแต่ละประเภท พร้อมสรรพคุณ จุดเด่น และวิธีการใช้งานของมาส์คหน้าเหล่านี้กันดีกว่า!
แผ่นชีตมาส์ค
แผ่นชีตมาส์ค เป็นมาส์คหน้าที่รับได้ความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในปัจจุบันนี้ เพราะตัวมาส์คจะเน้นไปที่สรรพคุณด้านการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิ พร้อมส่วนผสมที่แตกต่างกันไป ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้หลากหลายตามความต้องการ เช่นเซราไมด์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว AHA และ BHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวแห้งกร้านให้ดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น และส่วนผสมอื่นๆ อีกมากมาย แนะนำให้แปะแผ่นชีตมาส์คไว้บนหน้าจนแห้งแล้วจึงเอาออก อย่าปล่อยให้แผ่นชีตมาส์คแห้งอยู่บนหน้านาน เพราะตัวมาส์คจะดึงเอาน้ำในผิวออกไป ทำให้ผิวแห้งได้ และไม่จำเป็นต้องมีการมาส์คหน้าด้วยชีตมาส์คทุกวัน ใช้เพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว
มาส์คดินและโคลน
มาส์คดินและโคลน เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง เป็นสิวง่าย ผิวผสมไปจนถึงผิวมัน ตัวมาส์คมีเนื้อสัมผัสที่หนา อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ จากธรรมชาติ มีส่วนช่วยเรื่องการล้างสารพิษ์ และดีท็อกซ์ ปรับสมดุลบนใบหน้าด้วยการขจัดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกิน พร้อมลดโอกาสเกิดสิว ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำบนใบหน้า อย่างไรก็ตาม มาส์คประเภทนี้ไม่เหมาะกับการมาส์คหน้าทุกวัน แนะนำให้ใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
มาส์คหน้าแบบลอกออก
มาส์คหน้าแบบลอกออก คือมาส์คหน้าที่มีเนื้อเจล แต่เมื่อมาส์คไปสักพักจะเริ่มแห้งบนผิวคล้ายกับฟิล์มที่เคลือบหน้าอยู่ จากนั้นให้ลอกมาส์คออก จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก และลอกผิวหนังที่ตายแล้วบนหน้า ลอกสิวเสี้ยน สิวหัวขาว และสิวหัวดำบนใบหน้าได้อีกด้วย มาส์คประเภทนี้จึงเหมาะกับคนที่มีผิวหน้าหยาบกร้าน ไม่มีความสม่ำเสมอ และดูหมองคล้ำ อีกหนึ่งข้อที่ควรให้ความสำคัญ คือ ห้ามใช้มาส์คประเภทนี้ทุกวันเด็ดขาด เพราะจะทำร้ายผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าบอบบางได้ ควรใช้หนึ่งครั้งแล้วเว้นสองสัปดาห์เท่านั้น
มาส์คแบบทำเอง
มาส์คหน้าแบบโฮมเมด ทำเองที่บ้าน มีข้อดีคือเลือกใส่ส่วนผสมที่ต้องการบำรุงผิวลงไปได้เอง ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศ โยเกิร์ต ขมิ้น หรือส่วนผสมอื่นๆ อีกมากมาย แต่ควรระวังเรื่องส่วนผสมบางชนิดที่มีส่วนทำให้ผิวหน้าระคายเคือง เช่นส่วนผสมที่มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิว เพราะหากใช้มาส์คหน้าบ่อยๆ อาจจะทำให้ผิวบอบบางได้ และเนื้องจากส่วนผสมในการทำมาส์คหน้าแบบโฮมเมดต้องใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ระคายเคืองผิวได้ง่าย ควรมาส์คหน้าสัปดาห์ละหนึ่งครั้งก็เพียงพอ
สลีปปิ้ง มาส์ค
มาส์คหน้าที่เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรีุงผิวก่อนนอน ไม่จำเป็นต้องลากหรือลอกออก ตัวมาส์คเน้นไปที่การกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิวระหว่างนอนหลับ ช่วยปลอบประโลมผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสรรพคุณอื่นๆ ตามส่วนผสมของแต่ละสูตร อย่างอาร์ทิสทรี สกิน นิวทริชั่น สลีปปิ้ง มาส์ค ที่มีสารสกัดจากดอกคริสแซนธิมัม โมริโฟเลียม และแอสคอร์บิล กลูโคไซด์ (AA2G) พรีไบโอติกส์จากรากชิโครี และน้ำมันเมล็ดเชียขาว ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว พร้อมช่วยให้ครีมหรือเซรั่มที่ทาก่อนหน้าซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างดียิ่งขึ้น เห็นผลลัพธ์ผิวดูอิ่มน้ำ อิ่มฟู ทันทีหลังตื่นนอน แนะนำให้ใช้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
การมาส์คหน้าทุกวันตามเทรนด์เกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยม จริงอยู่ที่จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ปลอบประโลมผิวหน้า คลายความเหนื่อยล้าของผิว อีกทั้งยังช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้อย่างดียิ่งขึ้น แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าบอบบาง เป็นสิวง่าย และคนที่ผิวมัน เพราะมาส์คหน้ามีเนื้อหนัก เหนียวเหนอะหนะ อาจจะอุดตันรูขุมขน เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ แนะนำให้มาส์คหน้าสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือตามประเภทของมาส์คที่ได้กล่าวไปข้างต้น เพื่อประสิทธิภาพที่ดี และลดความเสี่ยงผิวเสียจากการมาส์คหน้าทุกวัน นอกจากนี้ควรเลือกใช้มาส์คหน้าที่มีคุณภาพ ตรวจสอบส่วนผสมว่าไม่มีสารที่ทำให้แพ้ อย่าง Sleeping Mask จากอาร์ทิสทรีที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย พร้อมเสริมสร้างผิวให้แข็งแรงเพียงชั่วข้ามคืน ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังแล้วว่าไม่ระคายเคืองต่อผิว
