Digiqole ad

ตัวแทนเจ้าของไม้พะยูง ขอความเมตตากรมศุลกากรส่งคืนของกลาง หลังศาลฎีกาพิพากษาชนะคดี ยันไม้พะยูงทั้งหมดมีเอกสารหลักฐานยืนยันชัดเจน

 ตัวแทนเจ้าของไม้พะยูง ขอความเมตตากรมศุลกากรส่งคืนของกลาง หลังศาลฎีกาพิพากษาชนะคดี ยันไม้พะยูงทั้งหมดมีเอกสารหลักฐานยืนยันชัดเจน
Social sharing
Digiqole ad

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2564 นายคำสะไหว พมมะจัน ผู้แทนบริษัท พงสะหวัน อินดัสทรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใน สปป.ลาว และอ้างว่าเป็นเจ้าของไม้พะยูง จำนวน 11 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่าประมาณ 160 ล้านบาท ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาให้ชนะคดีการนำไม้เข้าประเทศโดยมิชอบ และมีคำสั่งให้ส่งคืนไม้แก่เจ้าของ เปิดเผยว่า ขอยืนยันว่าไม้พะยุงทั้งหมด ได้สัมปทานจากการสร้างเขื่อนที่แขวงคำม่วน และแขวงสะหวันะเขต สปป.ลาว โดยมีเอกสารหลักฐานชัดเจน แต่เหตุใดกรมศุลกากรซึ่งเป็นผู้เก็บรักษาไม่นำส่งคืนเจ้าของ ตนเกรงว่าไม้พะยูงจะสูญหายไปบางส่วน จึงได้ทำหนังสือถึงผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส.ขอให้ช่วยประสานกับผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง เพื่อขอเข้าตรวจสอบร่วมกัน แต่เมื่อมาถึงกลับได้รับแจ้งว่ามีคำสั่งจากกรมศุลกากรให้เลื่อนการตรวจออกไป ซึ่งหลังจากนี้จะทำเรื่องฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อเอาผิดกับนายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร ซึ่งเป็นผู้ที่ลงนามให้เลื่อนการตรวจสอบ แทนอธิบดีกรมศุลกากร

“อยากให้กรมศุลกากรดำเนินการส่งไม้คืนเรา เนื่องจากทางกรมศุลกากรไม่มีอำนาจในการยึดเหนี่ยวของกลาง และยังกล่าวอ้างว่าตนไม่มีอำนาจในการรับไม้ อยากจะกราบเรียนอธิบดีกรมศุลกากร ให้ช่วยพิจารณาใช้อำนาจของท่านที่มีให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการให้ตนได้ไม้คืนตามเอกสารที่ได้ยื่นไว้ และอยากให้ท่านช่วยเมตตา ทางตนได้รับความเดือดร้อน และขอยืนยันว่าไม่ได้เอาไม้มาฝากไว้กับบริษัท EVER GREEN ซึ่งทางบริษัทดังกล่าวได้เรียกร้องค่าเสียหายการเก็บรักษาไม้ 13 ล้านกว่า ซึ่งทางตนไม่ได้ประสงค์ที่จะฝากไม้ไว้กับบริษัทดังกล่าว แต่ทางพนักงานสอบสวนเป็นคนฝากไว้ให้กับกรมศุลกากรเก็บรักษาไว้ชั่วคราว และยังยึดไม้ของตนมาเป็นเวลา 16 ปี” นายคำสะไหว กล่าว

Facebook Comments

Related post