
ตกเวทีประชาธิปไตย


มาถึงวันนี้ ชัดเจนแล้วว่า คนชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังจะติดหนึบกับตำแหน่ง หัวโขน และอำนาจในมือต่อไปเรื่อยๆ
คำว่า “พอเพียง” ไม่มีอยู่ในความคิดแต่อย่างใด
พรรคการเมืองออกมาขยับกันอุตลุดว่า การเลือกตั้งน่าจะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้แล้ว ต้องรีบเตรียมตัวด่วน
แต่ประยุทธ์ ยืนยันต่อให้แก้กม.ลูกสำหรับการเลือกตั้งเสร็จ ก็จะไม่มีการยุบสภา จะอยู่ไปเรื่อยๆแบบนี้แหละ
อ้างเป็นประชาธิปไตย แต่มาสไตล์เผด็จการยึดกุมอำนาจ
ตะแบงไปเรื่อยว่า มาจากการเลือกตั้ง ทั้งๆที่รู้ดีอยู่ใจว่า พลังประชารัฐที่ดันก้น เสนอชื่อให้เป็นนายกฯนั้นไม่ได้ชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับหนึ่ง
แต่ใช้อำนาจและหมากกลจากรัฐธรรมนูญตามใจแป๊ะ ที่ให้ คสช.ตั้ง 250 ส.ว. แล้วมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ ทำให้พรรคการเมืองที่ก่อนเลือกตั้งประกาศว่าไม่เอาเผด็จการ ไม่หนุนการสืบทอดอำนาจ สุดท้ายตระบัดสัตย์กันอุตลุด
นี่คือวิชามารผ่านคราบการเลือกตั้ง ที่ทำให้คนประชาธิปไตยไม่เคยมองว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตามระบอบประชาธิปไตย
จึงไม่แปลกที่ ในการเชิญประชุม 110 ประเทศเกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตยในประเทศ จะพบว่าประเทศไทยไม่ได้รับเชิญไปร่วมเวที
ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะไม่รู้สึกอับอายอะไร
แต่คนไทยที่รักในประชาธิปไตย รู้สึกอับอาย
นี่คือผลจากการกระทำที่ประยุทธ์ ไม่เพียงเข้ามาด้วยเกมการสืบทอดอำนาจ แต่ยังฝักใฝ่เผด็จการทหารอย่างชัดเจน เพราะเอาความเป็นผู้นำประเทศไทย ไปผูกกับ มิน อ่อง ล่าย เผด็จการทหารประเทศเมียนมา อย่างชัดเจนจนรับรู้กันทั่วโลก
ยิ่งการให้ ดอน ปรมัตถ์วินัย เอาวัคซีน เอาของจำนวน 17 ตันไปมอบให้รัฐบาลเผด็จการทหาร ยิ่งกลายเป็นข้อยืนยันที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ถ้าหัวประยุทธ์ไม่ส่าย หางดอนจะกระดิกได้อย่างไร
ก็เห็นๆอยู่แล้วว่า เวทียูเอ็น เมียนมาไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วม ยังไปหนุนออกหน้าออกตา
ไม่ถูกเชิญไปร่วมเวทีประชาธิปไตย จึงโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเอง ทำเองทั้งนั้น
สมุนรับใช้พล่านไปตามๆกัน
อัคคี กัมปนาท