
“ดร.เอนก” รมว.อว. ชู 10 ปี ไทยเป็นชาติแห่งนวัตกรรมระดับโลก


อว.ตั้งเป้าสร้างไทยเป็นประเทศนวัตกรรมระดับแนวหน้าของโลกภายใน 10 ปี ปลุกพลังคนไทยเปลี่ยนมุมมองเชื่อทุกคนทำได้ร่วมพลิกฟื้นประเทศ กำชับกระทรวงนำฐานความรู้ งานวิจัยและวิทยาการเทคโนโลยีพาไทยติด ท็อป 5 เอเชียให้ได้ภายในเวลา 5 ปี
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) บรรยายในงานอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรม สำหรับกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ภาครัฐและเอกชน รุ่นที่ 3 (Public and Private Chief Innovation Leadership #3 The Next Change Maker) หัวข้อ “ไทยสู่ความเป็นประเทศ “พัฒนา ใน 10 ปี ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและศิลปวิทยาการ”
ดร.เอนก กล่าวว่า มีคนไทยจำนวนมากที่มี Mindset คิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนา ทั้งๆที่ ทั่วโลกจัดให้ไทยอยู่ในเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบน โดยเมื่่อดูขนาดของ GDP ประเทศไทยจะอยู่ที่อันดับ 20-23 แต่ถ้าวัดที่กำลังซื้อจริงๆก่อนจะมีโควิดเราอยู่ที่อันดับ 19 หรือ 20 ของโลก
“ในตอนนี้สถานะของประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ยากจนแล้ว ไม่ใช่ประเทศที่คนส่วนใหญ่เป็นชนชั้นล่างคนจนแล้ว แต่ทั่วโลกเขาจัดให้อยู่ในเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบน ถ้ามาดูขนาดของ GDP ประเทศไทยจะอยู่ที่อันดับ 20-23 แต่ถ้าวัดที่กำลังซื้อจริงๆก่อนจะมีโควิดเราอยู่ที่อันดับ 19 หรือ 20 ของโลก ท่านผู้ทรงคุณวุฒิที่ปรารถนาความมีนวัตกรรมประเทศทั่วโลกมี 200 กว่าประเทศ ประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกคือสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือจีน ถ้าวัดจากกำลังซื้อเราอยู่ 19-20 ถ้าวัดจากจำนวนเงินเราอยู่ที่ 20-23 ถ้าวัดจากกำลังซื้อที่เป็นจริงวัดจากจำนวนดอลล่าร์เราจะอยู่ในอันดับที่ 19-20 ในขณะที่หากวัดจากความสามารถทางนวัตกรรมเราเป็นอันดับที่ 44” ดร.เอนก กล่าว
รมว.อว. ยังกล่าวอีกว่า แผนยุทธศาสตร์แห่งชาติที่ออกมากำหนดให้ภายในสิ้นแผนจะใช้เวลา 20 ปี ประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ในส่วนของ อว. ฐานะรัฐมนตรีว่าการเดิมพันไว้ว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
“อว.ขอเวลาเพียงครึ่งหนึ่งของ 20 ปี คือ 10 ปี ไม่ใช่เพราะว่าเราอวดดีอวดเก่ง แต่เพราะการที่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วมันต้องใช้ฐานความรู้ ฐานวิจัย นวัตกรรมและฐานศิลปะวิทยาการทั้งปวง เศรษฐกิจของเราจะไม่อยู่บนฐานที่แรงงานราคาต่ำ ไม่ใช่อยู่บนฐานที่ว่าเอาวัตถุดิบไปขาย ไม่ใช่อยู่บนฐานที่เอาพืชผลไปขายเป็นตันๆ แต่ต้องอยู่ที่เอาวิชาความรู้ เอาวิทยาการทั้งปวง เอามาทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ ผลิตผลและบริการ ที่มีมูลค่าสูง มันต้องสูงกว่าเดิมเป็นสิบๆเท่าขึ้นไป เป็นร้อยเท่าก็ยิ่งดี พันเท่า หมื่นเท่าก็ยิ่งดี อันนี้คือหัวใจของประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงตั้งธงเอาไว้ว่าเราต้องไปให้ถึงก่อนว่าจะใช้เวลาอีก 10 ปี ไปให้ถึง ส่วนคนอื่นๆจะใช้เวลาต่อจากเราไปอีก 10 ปี อันนี้ก็เป็นข้อเท็จจริง ที่จะทำให้เราเชื่อว่าประเทศไทยสามารถที่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้” ดร.เอนก กล่าว
รมว.อว. ยังกล่าวอีกว่า ได้มีการตั้งโจทย์ให้ใน อีก20ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของภาคี 20 ประเทศที่ทดลองเรื่องฟิวชั่น แล้วเอาความรู้ที่ได้จากการทดลอง วิจัย ไปเปลี่ยนให้เป็นพลังงานที่นำมาใช้ได้ จนเป็นพลังงานสะอาด บริสุทธิ์ไม่มีกัมมันตรังสี ที่จะใช้ได้นานแสนนาน เป็นหมุดหมายของการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งไม่ค่อยมีใครทราบว่าประเทศไทยทำได้
“AI ของเราก็ทำได้ดี อุตสาหกรรมที่เราเรียกกันว่าไทยแลนด์ 4.0 มี 3 เรื่อง คือ A.I. Robotic Industry และเรื่องไอโอที เราก็ไม่แพ้ใครในอาเซียน และเรากำลังก้าวกระโดดไปเรื่อยๆ ผมได้สั่งการแล้ว ว่าต้องสนใจสร้างพันธมิตรกับ เกาหลี จีน และประเทศอื่นเท่าที่จะหาได้ เพื่อที่จะทำการผลักดันเอไอ 1 ใน 3 อย่างที่น่าจะเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้อีก 2 อย่างคืบหน้าไปอย่างก้าวกระโดดใหญ่ๆ เราจะต้องเข้าไปหาทางวิจัยร่วมกับจีน เกาหลี 2 ชาตินี้ที่ทำ 5G ได้ ถ้าเขาทำ 5.5 G เราก็ต้องขอเข้าไปร่วมด้วย ถ้าเขาทำ 6G เราก็ต้องเข้าไปทำด้วย เราจะไม่ทำวิทยาศาสตร์ วิจัยจากฐานประเทศไทยเพียงอย่างเดียวแล้ว ต้องระดมสรรพกำลังมิตรประเทศแนวร่วม ภาคีต่างๆ มาทำให้เกิดพลังคูณ 2 คูณ3 เข้าไป และก็มีความเป็นไปได้สูงมาก” ดร.เอนก กล่าว
ทั้งนี้ รมว.อว. ยังกล่าวกับกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ภาครัฐและเอกชน รุ่นที่ 3 ที่เข้าอบรมอีกว่า ใน 5 ข้างหน้าตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นประเทศชาตินวัตกรรมระดับแนวหน้าของเอเชีย และภายใน 10 ปี ไทยจะต้องอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มประเทศนวัตกรรมแนวหน้าของโลก
“สำหรับประเทศชาติเราต้องทำให้ชาติของเราเป็นชาตินวัตกรรมให้ได้ ท่านอาจจะบอกได้ว่าตอนนี้เราเป็นชาติที่ 44 ผมก็ตั้งโจทย์ให้ท่าน เป็นเหมือนคำบัญชาว่าภายใน 30 ปีข้างหน้า ต้องติด 1 ใน 30 ของโลก หรือ 5 ปีข้างหน้าจะเป็นชาตินวัตกรรมระดับแนวหน้าของเอเชีย แล้วอีก 5 ปีจะเป็นชาตินวัตตกรรมแนวหน้าของโลกให้ได้ ทำอย่างไรในอีก 5 ปีจะถึงระดับนั้นอย่าทำงานด้วย Indicator ที่เยอะไปหมด เสร็จแล้ว Modify ไม่ได้สักเรื่อง ต้องน้อยเรื่องที่สุด ผมเรียกว่าต้องมี Super indicator วันนี้ผมให้ 2 ตัว อีก 5 ปี เป็นชาตินวัตกรรมแนวหน้าของเอเชีย และอีก 5 ปีถัดไปเป็นชาตินวัตกรรมที่อยู่ในระดับโลกให้ได้ 1ใน 25 ต้องทำให้ได้ นวัตกรรมจึงไม่ใช่มีเพียงแค่ความรู้ ประสบการณ์เท่านั้น แต่ต้องมี Mindset และ Commitment ทุกคนก็เหมือนกัน ถ้าMindset ยังไม่ถูกต้องก็ต้องเปลี่ยน Mindset แล้วใช้ Perspective ซึ่งเป็นส่วนย่อยของMindset ให้ดี แสวงหาPerspective และMindset นั้น แล้วทำอะไรอย่างจริงจัง ต้องมีCommitment ต้องมีเวลา Commitmentของเราต้องพิสูจน์ได้ อย่าทำอะไรไปเรื่อยๆ อย่าทำอะไรไปจนถึงกาลนิรันดร์” รมว. อว. กล่าวในที่สุด