
ณวัฒน์ VS เจ้าสัวซีพี


กรณี ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ออกมาแสดงความคิดเห็น จนกลายเป็นกระแสดราม่าโด่งดังชั่วข้ามคืน มีทั้งคนที่เห็นด้วย และคนที่ไม่เห็นด้วย
เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจยิ่งของสังคมไทย และของกระบวนการสื่อสารในยุคปัจจุบัน
ประเด็นมาจากการที่ ณวัฒน์ พูดถึงการที่จะทำโครงการ “ณวัฒน์เพื่อคนไทย” แล้วมีการฝากข้อความไปถึง ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยระบุว่า “ผมอยากให้เจ้าสัวบริจาคให้ผม 100 ล้านบาท เข้าโครงการณวัฒน์เพื่อคนไทย โดยเร็วที่สุด”
ซึ่งต่อมา เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้มีการตอบว่า เครือซีพีรวมพลังช่วยไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปแล้วจนถึงปัจจุบัน ประมาณ 1,200 ล้านบาท ทั้งยังให้ทุกบริษัทในเครือสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม อุปกรณ์สื่อสาร เครื่องมือแพทย์ เต็นท์ความดันลบ เครื่องช่วยหายใจ ช่วยแล้วมากกว่า 2,000 โรงพยาบาลรวมถึงชุมชนกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งแจกหน้ากากอนามัยฟรีไปแล้วกว่า 16 ล้านชิ้น
ปัญหาคือ ณวัฒน์ ก็ยังยืนกรานว่าต้องการที่จะได้เงิน 100 ล้านบาท โดยระบุว่า “ขอบคุณนะครับสำหรับการออกมาอธิบายที่จ่ายไป 1,200 ล้าน ผมให้ผู้ช่วยผมติดต่อบางแผนกของซีพีไป รอคำตอบนะครับ จี้อยู่ ผมจะเอา 100 ล้านจากซีพี… ณวัฒน์อยากได้ ขอ ไม่ได้กรรโชกทรัพย์”
สุดท้ายเลยเถิดถึงขั้นบอกให้เจ้าสัวออกไปจากประเทศไทย
นี่คือภาพสะท้อนของจุดเปราะบางในเรื่องของการสื่อสาร ภายใต้ภาวะอารมณ์ที่กดดัน ซึ่งตามมาด้วยความเห็นต่างมากมาย ที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่เกินกว่าเหตุ เป็นการใช้อารมณ์เหนือเหตุผล
อยากให้ตรงนี้เป็นบทเรียนในการสื่อสารไม่ใช่เฉพาะแค่ ณวัฒน์ แต่ควรจะเป็นบทเรียนกับทุกคน
เพราะจริงๆ การขอความร่วมมือให้ช่วยกอบกู้สถานการณ์วิกฤตสามารถที่จะทำได้ โดยวิถีแห่งการผนึกกำลังกัน ไม่ใช่ภายใต้ภาพของการกดดันจนคล้ายข่มขู่
เรื่องของการให้ความช่วยเหลือสังคมที่กำลังเดือดร้อน ไม่ได้หมายความที่จะต้องขอเรี่ยไรเงินอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีสิ่งที่สามารถเสนอให้เครือซีพีช่วยเหลือได้อีกหลายเรื่อง
อย่างเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะเสนอไปยังเจ้าสัวธนินท์ช่วยพิจารณา ก็คือ ขณะนี้ค่าครองชีพสูงมาก ราคาหมู ไก่ ไข่ ผัก เป็นภาระกับทุกคน โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่รายได้หดหาย หรือตกงาน
จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่ซีพี จะช่วยเหลือสังคมที่กำลังเดือดร้อนแสนสาหัส โดยทำให้ราคาอาหารลดลงจากขณะนี้ เพียงแค่ลดส่วนต่างกำไรให้เหลือแค่ 5 – 10% ในสถานการณ์นี้ไปก่อน แน่นอนว่าย่อมกระทบตัวเลขกำไรของกิจการแน่ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรบริษัทยังคงมีกำไร แค่กำไรลดลงบ้างเท่านั้น แต่จะช่วยประชาชนให้ลดภาระค่าครองชีพไปได้ระดับหนึ่ง
และขอไปยังเจ้าสัวค่ายอื่นๆทุกคนด้วย ว่า ถ้าช่วยลดราคาสินค้าในธุรกิจของแต่ละคนได้ จะช่วยผู้ที่กำลังเดือดร้อนได้โดยตรงครับ
ภูวนารถ ณ สงขลา