
ญัตติด่วน! ให้สภาฯ พิจารณาแจ้ง ครม. จัดประชามติ เดินหน้ารัฐธรรมนูญใหม่




———–
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่รัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ – ไอติม – Parit Wacharasindhu สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงการเสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบและแจ้งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติ เพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
[ ทำรัฐธรรมนูญใหม่ ฟื้นฟูประชาธิปไตยไทย คืนความปกติให้การเมือง ]
พริษฐ์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยืนยันมาตลอดว่าภารกิจสำคัญในการฟื้นฟูประชาธิปไตยและนำพาการเมืองไทยกลับสู่สภาวะประชาธิปไตยปกติ คือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาแทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 ที่พรรคก้าวไกลมองว่าขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตยทั้ง ที่มา กระบวนการ เนื้อหา และมีส่วนนำพาประเทศไทยมาสู่วิกฤตทางการเมือง ณ ปัจจุบัน
หากดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญ 2560 ขั้นตอนในการนำพาประเทศไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจต้องอาศัยการที่ประชาชนเข้าคูหาทั้งหมด 4 ครั้ง ประกอบด้วย ประชามติ 2 ครั้ง ต่อด้วยการเลือกตั้ง สสร. 1 ครั้ง และประชามติหลังมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่างโดยสสร. 1 ครั้ง
โดยขั้นตอนแรกคือการจัดทำประชามติครั้งที่ 1 ก่อนจะมีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใดๆ เกี่ยวกับ สสร. เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
แม้การจัดประชามติครั้งที่ 1 นี้ อาจไม่ได้มีความจำเป็นในเชิงกฎหมาย แต่หากประชาชนลงมติเห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผลของประชามติดังกล่าว จะทำให้ไม่มีสมาชิกรัฐสภาคนใดสามารถยกเหตุผลใดๆ หรือหยิบคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 มาปัดตกเจตจำนงของประชาชนได้
[ ปีศาจอยู่ในรายละเอียด = คำถามในประชามติ ]
พริษฐ์กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าหลายพรรคเห็นตรงกัน ว่าการจัดประชามติลักษณะนี้ เป็นกระดุมเม็ดแรกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เราควรติดโดยเร็ว แต่ปีศาจอยู่ในรายละเอียดเสมอ และรายละเอียดที่สำคัญของประชามติที่จะเกิดขึ้น คือคำถามในประชามติ
หากเราต้องการให้ประชามติดังกล่าวนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่สะท้อนฉันทามติใหม่ของสังคม พรรคก้าวไกลเสนอว่าคำถามควรถูกใช้ในประชามติครั้งที่ 1 คือ ‘ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐ ฉบับปัจจุบัน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน?’
[ 4 เหตุผล ทำไมคำถามนี้จะนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สะท้อนฉันทามติใหม่ของสังคม ]


ทั้งนี้ ต้องย้ำว่าการกำหนดให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะแม้มีการเลือกตั้ง สสร. 100 เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างเพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่อาจไม่ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สสร. เข้ามามีส่วนร่วมได้ แต่การทำให้ สสร. มาจากการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นการวางหลักประกันว่าทุกการตัดสินใจของ สสร. จะกระทำโดยตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน


ยิ่งไปกว่านั้น ญัตติด่วนที่เสนอคำถามประชามติดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากสภาผู้แทนราษฎร จาก สส.ทุกพรรคการเมืองหลักที่เข้าประชุม เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2565 โดยผลคะแนนคือ เห็นด้วย 324 ราย (เช่น จากพรรคเพื่อไทย 62 สส. จากพรรคพลังประชารัฐ 57 ส.ส. จากพรรคภูมิใจไทย 32 สส. จากพรรคประชาธิปัตย์ และ 44 สส. จากพรรคก้าวไกล) ไม่เห็นด้วย 0 ราย งดออกเสียง 1 ราย

สำหรับขั้นตอนต่อไป การเสนอให้จัดประชามติ รวมถึงการเสนอคำถามประชามตินั้น หากอ้างอิงตาม พ.ร.บ.ประชามติ 2564 สามารถดำเนินการได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ (1) ครม. ออกมติด้วยตนเอง (2) ประชาชนเข้าชื่อ 50,000 คน เพื่อเสนอให้ ครม. อนุมัติ ซึ่งขณะนี้มีภาคประชาชนกำลังรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นข้อเสนอนี้อยู่ภายใต้ชื่อ ‘conforall’ และ (3) สมาชิกรัฐสภาเสนอให้สภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาเห็นชอบ เพื่อแจ้ง ครม. ให้ดำเนินการ
เรามองว่าเพื่อความรวดเร็ว ไม่มีความจำเป็นต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง แต่ดำเนินการคู่ขนานกันได้ ดังนั้น วันนี้พรรคก้าวไกลจึงจะใช้กลไกของสภา เพื่อเสนอญัตติด่วนดังกล่าวฯ ตามคำถามที่เราได้เสนอไว้ ซึ่งสอดคล้องกับคำถามที่ภาคประชาชนเสนอในการเข้าชื่อ
พริษฐ์ทิ้งท้ายว่า ขอความร่วมมือจากทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ประกาศเห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาร่วมมือกับเราในการให้มีการพิจารณาญัตตินี้โดยเร็วที่สุด ทันทีที่มีการบรรจุเข้าระเบียบวาระ
เพจ : พรรคก้าวไกล
Facebook Comments