![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/06/แก้ปัญหาคอม.jpg)
ซิน เหนียน ฟาไฉ จีน รวย ซวย ไทย
![ซิน เหนียน ฟาไฉ จีน รวย ซวย ไทย](https://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2023/01/ปลายซอย17-2.jpg)
![Digiqole ad](http://bangkok-today.com/wp-content/uploads/2024/01/Nishikawa_Banner728x90px.gif)
เพิ่งจะฉลองปีใหม่ Happy New Year เคาท์ดาวน์กันมายังไม่หายสร่าง บรรยากาศประเทศไทยปรับจากตะวันตกเข้าโหมดตะวันออกได้อย่างรวดเร็วเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง “ตรุษจีน” ต่อกันอีกวาระ สมกับการเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลกที่ตอนนี้ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน และอีกหลากหลายเมืองของไทย เพื่อร่วมดื่มด่ำบรรยากาศ “ปีใหม่จีน”
การได้เดินท่องเยาวราช ชมโคมไฟสีแดงที่ถูกผูกโยงเป็นระเบียบตลอดถนนสายไชน่าทาวน์ ได้ไหว้พระขอพรที่ศาลเจ้าจีน ได้เห็นคนไทยเชื้อสายจีนพร้อมใจกันใส่เสื้อแดงทั้งเมืองทั้งๆที่ไม่ได้ฝักใฝ่การเมือง ไม่ได้ตั้งใจจะเชียร์พรรคการเมืองใดให้แลนด์สไลด์ และได้ชิมสารพัดอาหารและขนมจากร้านสตรีทฟู้ดที่ขายเรียกรายข้างทาง ล้วนเป็นบรรยากาศที่ชวนหลงไหลสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกชาติทุกภาษา
มีการสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวนานาชาติพบว่า ไทยคือจุดหมายปลายทางที่อยากมาเที่ยวช่วงตรุษจีน แม้แต่ชาวจีนในแผ่นดินใหญ่เองก็ยังอยากมาฉลอง “ชุนเจี๋ย”ที่ไทย มากกว่าที่ฮ่องกง มาเก๊า มาเลเซีย หรือสิงคโปร์
เหตุที่ชาวจีนเลือกเที่ยวไทยฉลองตรุษจีนมาตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19เพราะการเดินทางใกล้ ที่ไทยค่าครองชีพต่ำกว่า มีสีสัน คนไทยให้การต้อนรับ มีความปลอดภัยพอสมควร และเชื่อว่า “เที่ยวไทยครบ จ่ายจบราคาเบา”
สรุปว่าทั้งชาวจีนและฝรั่งอั้งม้อต่างเชื่อเหมือนกันว่า สถานที่ฉลองตรุษจีนนอกประเทศจีนที่ดีที่สุดคือ “ไทยแลนด์”
ยุทธศาสตร์ 5F
การเติบโตอย่างรวดเร็วด้านการท่องเที่ยวของไทยหลังโควิดถือเป็นความสำเร็จที่ทั่วโลกจับตา จนนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับเชิญให้ไปพูดในเวทีเสวนาเรื่อง “ Travelling Again, Differently” ในการประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาว่าความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวของไทยวันนี้มาจากการทดลองใช้ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ที่ค่อยๆเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยมาตรการด้านสาธารณสุข
นอกจากนี้ยังมีการใช้ยุทธศาสตร์ 5F ซึ่งประกอบด้วย Food, Fashion, Festival, Fighting, Film เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นการลดความแออัดในพื้นที่เมืองหลัก
เงินสะพัด 1.2 หมื่นล้าน
ปกติช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่จะมีการจับจ่ายใช้สอยสูง ตามประเพณีจีนจะมีวันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว มีการแต๊ะเอีย ให้อั่งเปา แก่เด็ก ผู้สูงอายุ ลูกน้องหรือลูกจ้าง
ในความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่เพิ่งจับจ่ายไปเที่ยวไปกินช่วงปีใหม่ยังไม่ถึงเดือน กำลังซื้อยังไม่ฟื้น ส่วนหนึ่งยังมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย จึงคิดว่าตรุษจีนปีนี้อาจจะยังไม่คึกคักเช่นเดียวกับปี 2565 เพราะข้าวของยังแพง ราคาสินค้ายังสูง การไหว้คงทำพอเป็นพิธีโดยของเซ่นไหว้ลดปริมาณลง ไม่มีการจัดเต็มอย่างสมัยก่อนที่ต้องครบเครื่องทั้งหมู เป็ด ไก่
ยิ่งกับสิ่งของที่เคยไหว้แล้วเผาส่งให้บรรพบุรุษ อาทิ กระดาษเงิน กระดาษทอง ธนบัตร ของใช้ ฯลฯ ยุคนี้ลดน้อยลงมากเพราะมีการรณรงค์เลิกเผาเพื่อลดมลพิษซึ่งได้รับการขาดรับสูงในยุคนี้เพราะเห็นแล้วว่า “สิ้นเปลือง” โดยลูกหลายรุ่นใหม่จะบอกว่าส่งเงินทองของใช้ให้เหล่ากงเหล่าม่าทางออนไลน์ก็ได้
มีข้อมูลรายงานว่าเงินเฟ้อธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 5.89% ตลอดปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 6% แนวโน้มเงินเฟ้อปี 2566 จะดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มกลับมาดีเมื่อสิ้นปี 2565
เป็นการสนับสนุนมุมมองของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ประเมินตรุษจีนปี 2566 ว่า แม้เครื่องเซ่นไหว้ยังแพง ค่าครองชีพยังสูง แต่เพราะสถานการณ์โควิดในประเทศเริ่มผ่อนคลาย คนไทยกล้าเที่ยว กล้ากิน กล้าจ่ายมากขึ้น ดังนั้นคาดเม็ดเงินจะสะพัดประมาณ 12,330 ล้านบาท เท่ากับขยายตัว 5.0% เมื่อเทียบปี 2565
จีนรวยซวยไทบ
นอกจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวนานาชาติหอบเงินมาใช้ในบ้านเราแล้ว ช่วงเทศกาลตรุษจีนน่าจะเป็นนาทีทองของพ่อค้าแม่ค้าย่านที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ได้ค้าขายเงินสะพัด แต่วันนี้คนในพื้นที่กลับพากันบ่นว่าค้าขายไม่ดีเพราะถูกคนจีนเข้ามาแย่งทำมาหากินกันหมดแล้ว ดังเช่นย่านสำเพ็งและเยาวราชที่เป็นแหล่งค้าส่งค้าปลีกของไทย แถมยังเป็นการกินรวบแบบขบวนการ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ รายได้ไม่ตกเหลือในไทยแม้สัก “หยวน”เดียว
รัฐบาลจีนนั้นมีนโยบายขยายช่องทางการค้าขายของประเทศด้วยอภิมหาโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เรียกว่า “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” หรือเส้นทางสายไหมยุคใหม่ เชื่อมต่อจีนกับนานาชาติด้วยเส้นทางรถไฟ เรือ และเครื่องบิน
อีกด้านหนึ่งรัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมคนจีนเอาสินค้าจีนออกไปขายต่างประเทศ ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรืออาจจะปลอดดอกเบี้ย จึงเป็นโอกาสให้ชาวจีนที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไทยอยู่แล้ว หรือเข้ามาเที่ยวในไทยบ่อยครั้ง เห็นช่องทางเข้ามาปักหลักค้าขายโดยมีทั้งทุนหนุนหลัง และสินค้าต้นทุนต่ำจากโรงงานในจีน
ข้อได้เปรียบดังกล่าวแค่แข่งกันธรรมดาคนไทยก็เหนื่อยอยู่แล้ว แต่ที่รู้ๆกันคือเป็นการทำการค้าแบบ “สีเทา” ตัวพ่อค้าแม่ค้าจีนอาศัยเพียงวีซ่านักท่องเที่ยว ไม่จดทะเบียนการค้า มีคนไทยที่เห็นแก่เงินออกหน้าเป็นนอมินี มีการหลีกเลี่ยงภาษี ใช้ลูกจ้างที่เป็นคนจีนที่ล้วนพูดไทยไม่ชัดหรืออาจไม่ได้เลย ระบบการซื้อขายเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ใช้การโอนเงินออนไลน์ ซึ่งทุกบาททุกสตางค์น่าจะส่งกลับไปจีนโดยอัตโนมัติ
กระบวนการเหล่านี้ใช่ว่ามีแค่สำเพ็ง-เยาวราช ที่คนในพื้นที่รู้ดีว่าแทรกซึมมานานนับสิบปี แต่ยังปรากฏตามศูนย์ค้าส่งค้าปลีกในเขตกรุงเทพฯปริมณฑล ที่มีสินค้าราคาถูกจากจีน เจ้าของเป็นจีน พนักงานขายก็จีนซึ่งเห็นทนโท่ว่าผิดกฎหมาย
แต่จีนสีเทายังคงอยู่ได้และเติบโตกลืนกินระบบเศรษฐกิจไทยก็เพราะความอ่อนแอของระบบราชการไทย ทั้งกระทรวงพาณิชย์ที่ควรเข้ามาตรวจสอบความถูกต้องในการทำการค้า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ที่ควรตรวจเอกสารการเข้าเมือง กระทรวงแรงงานที่ต้องตรวจใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ กรมสรรพากรที่ควรเข้ามาตรวจสอบภาษี ฯลฯ แต่กลับปล่อยปละละเลย หรือน่าจะมีข้าราชการชั่วเห็นช่องทาง “เก็บส่วย” เข้ากระเป๋าดีกว่าทำคดีที่มีแต่ผลงานแต่ไม่มีผลเงิน
ภูเก็ตแทบแตก
ช่วงเวลานี้หลายประเทศในโซนเหนือยังมีหิมะโปรยปราย แต่แถบยุโรปตะวันออกกลับร้อนด้วยไฟสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ที่รบกันมาร่วมปีแล้วนอกจากจะยังไม่ยุติ แต่ยังมีทีท่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นเพราะฝ่ายสหรัฐอเมริกาตัวแสบและองค์กรน้าโต้ที่หนุนหลังยูเครน กำลังระดมอาวุธหนักป้อนแก่กองทัพยูเครนให้ไปทำสงครามตัวแทนกันต่อแม้ว่าบ้านเมืองจะย่อยยับไปกว่าครึ่งประเทศแล้ว ขณะที่ฝ่ายรัสเซียก็ยังมุ่งมั่นที่จะเอาชนะสงครามด้วยการสั่งเพิ่มขนาดกองทัพรัสเซียในปี 2566-2569 เป็น 1.5 ล้านคน ด้วยการสั่งเกณฑ์ทหารเพิ่ม
จึงไม่น่าแปลกใจว่านักท่องเที่ยวที่เข้าไทยช่วงนี้จะมีชาวรัสเซียจำนวนมาก โดยเฉพาะที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายในการมาฉลองตรุษจีนที่ไทย โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 – 14 มกราคม 2566 มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 100 สัญชาติเข้าภูเก็ตรวม 1.41 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวไทยเพียง 2.3 หมื่นคน เป็นชาวรัสเซีย 2.13 แสนคน ชาวอินเดีย 7.4 หมื่นคน ออสเตรเลีย 4 หมื่นคน อังกฤษเกือบ 4 หมื่นคน
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า เดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ชาวรัสเซียเข้าภูเก็ตเดือนละ 1 แสนคน เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของจังหวัด เข้าใจว่าหนีหนาว หนีสงคราม หนีการเกณฑ์ทหารไปรบกับยูเครน ส่งผลให้บ้านเช่า ห้องพักตามโรงแรม รีสอร์ตในภูเก็ตเต็มยาวอย่างรวดเร็ว เพราะชาวรัสเซียที่มาส่วนใหญ่ตั้งใจอยู่นาน 3 เดือน 6 เดือนถึง 1 ปี ส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นหลักของภูเก็ตนั้นนั้นตอนนี้ยังมาประปราย คาดว่าช่วงไตรมาส2และ3 น่าจะเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้เทศบาลนครภูเก็ต ได้มีการจัดเทศกาลโคมไฟจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 15 มกราคม-5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมวิถีชีวิตและเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่ดีงามของท้องถิ่น พร้อมทั้งสร้างสีสันการท่องเที่ยวในเขตเมืองภูเก็ต
รอฉลองใหญ่ “ตรุษไทย”
หลังจีนเปิดประเทศนักท่องเที่ยวจีนยังไม่เป็นไปตามคาด เหตุเพราะยังมีอุปสรรคด้านการระบาดของเชื้อโควิดในประเทศที่ปรากฏไปทั่วแม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่าไม่รุนแรง แต่เนื่องจากไม่มีการประกาศตัวเลขที่แน่ชัดอย่างเป็นทางการเรื่องจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต จึงมีแต่ข่าวโคมลอยจากสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นอริกับจีนที่จะแจ้งตัวเลขสูงอย่างน่าตกใจ
รัฐบาลจีนได้สร้างความหวังแก่ชาวโลกว่าจีนจะกลับสู่ปกติอีกครั้ง แต่เอาเข้าจริงรัฐบาลปักกิ่งก็ยังคุมการเดินทางออกนอกประเทศด้วยการยังคงราคาตั๋วเครื่องบินขาออกไว้ในระดับสูง จนมาได้เฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง คนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อยยังต้องเก็บเงินหรือรอจังหวะที่ลดราคาต่ำกว่านี้
หนังสือเดินทาง(passport) เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่รัฐบาลจีนยังคงควบคุม ไม่ออกแก่ผู้ที่ยื่นขอใหม่ หรือขอแทนฉบับเก่าที่หมดอายุ หากไม่ไช่เพื่อการทำธุรกิจหรือเพื่อการศึกษา ที่เราเห็นคือพวกที่มีอยู่ในมือก่อนเกิดโควิด โดยเชื่อว่ารัฐบาลจีนรอดูผลการเข้า–ออกประเทศในช่วงเดือนมกราคม 2023 นี้ก่อนว่า มีผู้ติดเชื้อมากน้อยเพียงไร ส่งผลต่อการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 แค่ไหน แล้วจึงใช้เป็นตัวกำหนดการอนุมัติหนังสือเดินทางต่อไป
คาดกันว่าหลังผ่านตรุษจีนไปสู่ “ตรุษไทย” ช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายน นั่นคือช่วงเร็วที่สุดที่คนจีนจากแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า จะได้รับไฟเขียวให้ออกท่องโลกอีกครั้งแบบค่อยเป็นค่อยไป
ความร่ำรวยของจีนยังคงไม่กระจายสู่ภายนอก ธุรกิจที่หวังนักท่องเที่ยวจีนยังต้องรอต่อไป
ส่งท้ายด้วยคำอวยพรของจีน“ ซิน เจิ้ง หรู อี้ ซิน เหนียน ฟา ไฉ” คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนา ปีใหม่ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย