
‘ชนินทร์’กล้าแตกต่างปั้น ฮาบิแทท กรุ๊ป ขึ้นแท่นแบรนด์พรีเมียม


การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในยุคนี้ผู้ประกอบการต้องคิดให้ลึกตกผลึกให้มาก จะพัฒนาสินค้าประเภทใดให้ตรงใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ส่วนนักลงทุนเองก็ต้องคิดอีกแบบหนึ่งว่าลงทุนอะไรที่จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่า และสิ่งหนึ่งที่เชื่อว่านักลงทุนยังคงสนใจคือการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ “นายชนินทร์ วานิชวงศ์ “ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยม เพื่อการลงทุนของไทย ที่มุ่งเน้นโครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ที่หรูหราแตกต่างไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการออกแบบนวัตกรรมและฟังก์ชั่นการใช้งาน บอกเล่าว่า
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้รับรางวัลการันตีผลงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นการตอกย้ำความสำเร็จแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ไทยในระดับสากล โดยทีมงานของฮาบิแทท กรุ๊ป ยึดมั่นการให้บริการ จึงมั่นใจได้ว่าบริษัทฯ พร้อมที่จะนำเสนอโอกาสในการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ซื้อใหม่ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าเก่าด้วยการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนในอนาคต
จากการที่เริ่มเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2547 ในฐานะนักลงทุน ด้วยการเริ่มต้นซื้อคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ระดับกลางถึงไฮเอนด์ 63 แห่ง ซึ่งสร้างมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท และในช่วงระหว่างปี 2553-2554 ได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการนิติบุคคลของ เดอะ เม็ท คอนโดมิเนียม พัฒนาโดยบริษัท โฮเต็ล พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด (Hotel Properties Limited) ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นโครงการที่สามารถคว้ารางวัลระดับโลกมาได้ถึง 6 รางวัล และยังเป็นคณะกรรมการบริหารที่ดูแลโครงการกว่า 366 หน่วย ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท
ด้วยประสบการณ์และความสำเร็จในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง จึงตัดสินใจผันตัวเองจากนักลงทุนเข้าสู่เส้นทางนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว จึงก่อตั้ง บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ขึ้นในปี 2555 พัฒนาโครงการแรกจากความปรารถนาในการทำสิ่งที่ไม่เหมือนใครด้วยงบลงทุน 300 ล้านบาท นำร่องพัฒนาโครงการภายใต้ชื่อ “เดอะ วิลล์ จอมเทียน” (The Ville Jomtien) ซึ่งสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 2 ปี ทั้งนี้ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนสามารถปล่อยเช่าและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
จากนั้น ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้ต่อยอดความสำเร็จของโครงการเดอะ วิลล์ จอมเทียน ด้วยการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในทำเลพัทยาอีก 6 โครงการ ได้แก่ ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ (X2 Vibe Pattaya Sephere), ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ เรสซิเดนซ์ (X2 Pattaya Oceanphere), โครงการบลูเฟียร์ พัทยา (BluPhere Pattaya), โครงการเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา (Best Western Premier Bayphere Pattaya), โครงการวินด์ดัม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา (Wyndham Atlas Wongamat Pattaya) และโครงการรามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา (Ramada By Wyndham Mira North Pattaya) โดยมี บริษัท ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการพูลวิลล่ารีสอร์ทและโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่สไตล์เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้ฮาบิแทท กรุ๊ป บริหารโรงแรมและรีสอร์ทภายในเครือ เพื่อสร้างผลลัพธ์ด้านผลตอบแทนสูงสุดให้กับลูกค้า
ต่อมาในปี 2560 ได้ขยายแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยเข้ามาในกทม. ด้วยการเปิดตัวโครงการ “เลอรอย ร่วมฤดี” (LEROY Ruamrudee) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี ทำเลใจกลางเมืองกทม. ปัจจุบันได้ปิดการขายไปแล้ว และต่อมาได้พัฒนาโครงการ “วาลเด้น อโศก” (Walden Asoke) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม ลักชัวรี่โลว์ไรส์โครงการแรกของ ฮาบิแทท กรุ๊ป ซึ่งตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ซึ่งถือว่าเป็นการรุกตลาดครั้งสำคัญ ปัจจุบันยังได้ต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรส์บนทำเลซีบีดีในกทม.เพิ่มอีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการวาลเด้น สุขุมวิท 39 (Walden Sukhumvit 39), โครงการวาลเด้น ทองหล่อ 8 (Walden Thonglor 8), และ โครงการวาลเด้น ทองหล่อ 13 (Walden Thonglor 13)
ตลอดระยะเวลา 8 ปี ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังได้รับรางวัลการันตีถึงความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จากเวทีต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศแล้วกว่า 40 รางวัล สามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้มีความโดดเด่นและแตกต่างด้วยมูลค่าการลงทุนที่สร้างผลตอบแทน สะท้อนจากการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ทั้งนี้ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้น มาจากเสาหลัก2 ต้นคือ
1. การกล้าที่จะแตกต่าง, การตระหนักถึงโอกาสของตลาดที่มีศักยภาพ, การสร้างอุปทานและอุปสงค์ขึ้นใหม่, การจัดลำดับความสำคัญของแนวคิดในการพัฒนา และการมุ่งเน้นคุณค่าที่ส่งมอบให้กับลูกค้ามากกว่าการแข่งขันด้านราคา และ 2. การพัฒนาทีมงานผู้บริหารให้มีความเป็นมืออาชีพ, การมุ่งเน้นความเป็นเลิศของทุกบริษัทในเครือ และต้องไปด้วยกันได้กับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นและสร้างนวัตกรรม ซึ่งทำให้ ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้รับรางวัลมากมายจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายชนินทร์เล่าต่อว่าสำหรับช่วงไตรมาสแรกปี 2564 นี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป จะเน้นเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ต้นปี และนับเป็นช่วงโอกาสทองของผู้มองหา คอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยหรือการลงทุนระดับไฮเอนด์ทั้งในกทม. และพัทยา ผ่านแคมเปญ “ฮาบิแทท 8 อั่งเปา” เพื่อคืนกำไรให้ลูกค้าให้ได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดรับต้นปี 2564 โครงการ “รามาด้า มิรา นอร์ท พัทยา” อสังหาริมทรัพย์สไตล์รีสอร์ทเพื่อการลงทุนใจกลางพัทยา และโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ในกทม. ภายใต้แบรนด์ “วาลเด้น” บน 3 ทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้เต็มรูปแบบ เพิ่มฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอย เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ อย่างการ Work From Home ในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 นี้
โดยคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรส์ ทั้ง 3 โครงการมาพร้อมดีลสุดพิเศษหลากหลายประกอบด้วย โครงการ วาลเด้น อโศก ราคาเริ่มต้นเพียง 5.9 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% และโครงการ วาลเด้น สุขุมวิท 39 ในราคาเริ่มต้นเพียง 5.9 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% ตกแต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ดังจากยุโรป มอบส่วนลดสูงสุดถึง 400,000 บาท และรับฟรี iPhone12 Pro 256GB. และโครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 ที่เปิดขายไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาในราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 40% ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบและเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ดังจากยุโรป ฟรี iPhone12 Pro 256GB. และรับส่วนลดสูงสุดกว่า 1 ล้านบาท
สำหรับคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ในทำเลศูนย์กลางหรือเป็นฮับของกทม. อย่างทำเลทองหล่อ สุขุมวิทตอนต้น และการดูแลหลังการขายที่ดีมีมาตรฐานแบบมืออาชีพ ยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ “วาลเด้น” ของบริษัทฯทุกโครงการนั้น จะบริหารโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรอย่าง” เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ “ (JRE Development) หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านการบริหารโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้บริษัท แจลลุกซ์ อิงค์ (JALUX Inc.) ในเครือ JAPAN AIRLINES ประเทศญี่ปุ่น
ส่วนโครงการอสังหาริมทรัพย์สไตล์รีสอร์ท เพื่อการลงทุนย่านใจกลางพัทยาอย่าง “รามาด้า มิรา นอร์ท พัทยา” ที่ตกแต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ที่จะบริหารจัดการโดยแบรนด์โรงแรมระดับ 5 ดาว อย่าง “รามาด้า บาย วินด์ดัม” โดย วินด์ดัม โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท เป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมการันตีผลตอบแทนที่ 6% เป็นระยะเวลานาน 3 ปี หลังจากนั้นจะเป็นการแบ่งผลกำไรระหว่างผู้ซื้อ 70% และผู้พัฒนาโครงการ 30% นอกจากนี้ยังสามารถเข้าพักฟรีได้ 14 วันต่อปี ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.99 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% รับฟรี iPhone12 Pro 256GB. ทุกหน่วย และลุ้นรับทองคำแท่งหนัก 2 บาท พร้อมรับส่วนลดสูงสุดกว่า 3 แสนบาท
แม้ในภาพรวมนั้น ผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ แต่เชื่อว่าผู้บริโภคกลุ่มเซกเมนต์กลาง-บน ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัย สังเกตได้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 ทุกบริษัทยังคงมียอดขายเข้ามาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแคมเปญจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนในประเทศ ที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อมในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาจับต้องได้ ซึ่งแคมเปญนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ในช่วงโควิด-19 นี้ทางบริษัทฯ ยังได้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของลูกค้า รวมถึงพนักงานของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานและข้อกำหนดกับนโยบายของภาครัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดสูงสุด โดยมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และเช็คอินไทยชนะก่อนเข้าโครงการและสำนักงานขาย พนักงานทุกคนจะสวมใส่หน้ากากอนามัย และทำความสะอาดมือทุกครั้งก่อนให้บริการกับลูกค้า ติดตั้งจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และหน้ากากอนามัยให้กับลูกค้า อีกทั้งทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตามบริเวณพื้นที่ส่วนกลางตั้งแต่บริเวณทางเข้าสำนักงานขาย ห้องตัวอย่าง และห้องน้ำทุกๆ ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยทั้งในโครงการและสำนักงานขาย เพราะความปลอดภัยลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญสูงสุด อีกทั้งบริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์ ด้วยการให้ลูกค้านัดหมายเพื่อการเข้าชมห้องตัวอย่างแบบส่วนตัว (Private Visit) เพื่อเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะดีกว่าปี 2563 แม้เปิดต้นปีใหม่มา จะมีการล็อคดาวน์ในบางจังหวัดหรือบางพื้นที่ เนื่องจากการระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 แต่เชื่อว่าประสบการณ์การปิดประเทศ (ล็อคดาวน์) ในช่วงปี 2563 จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แต่ละบริษัทในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยภาพรวมของอสังหาฯปี 2564 น่าจะมีความคล้ายคลึงกับปี 2563 โดยมีการชะลอตัวในครึ่งปีแรก และฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2564 ปัจจัยสำคัญที่เข้ามาหนุนตลาดคือ การพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้สำเร็จ และเริ่มใช้ในหลายประเทศ ซึ่งจะทำให้ Sentiment ของตลาดน่าจะดีขึ้นและนักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น โดยคาดว่าสถานการณ์กลับมานิ่งคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือน ซึ่งคงเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้