
จีนจะรบไต้หวัน !


เมื่อวันก่อนได้คุยกับผู้ประกอบการไทยท่านหนึ่งที่ทำการค้านำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศรวมทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เขาถามว่า จีนจะบุกไต้หวันจริงหรือ?
ถามกลับว่าทำไมจึงคิดเช่นนั้น เขาตอบว่าเพราะตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมากระแสความขัดแย้งระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันดูจะรุนแรงมากขึ้นถึงขนาดส่งเครื่องบินรบขึ้นบินข่มขู่กัน แถมยังมีมหาอำนาจตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกาประกาศจะเข้าร่วมวงด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นล่าสุดเขาได้ข่าวว่ารัฐบาลจีนประกาศให้ประชาชนตุนเสบียงอาหาร จึงเกิดข่าวลือกันมากว่าจีนอาจจะบุกไต้หวันในเร็ววันนี้เพื่อเผด็จศึกไปจับ ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวันมาตบปาก เพราะชอบพูดท้าทายรัฐบาลปักกิ่งว่าเป็นรัฐอิสระไม่ได้ขึ้นกับจีนแผ่นดินใหญ่เนื่องจากฝักใฝ่สหรัฐอเมริกา
ผมฟังแล้วก็คิดว่าผู้ประกอบการไทยท่านนี้ก็ไม่ต่างกับคนอีกหลายสิบล้านคนทั่วโลกที่ติดตามข่าวสารที่เผยแพร่จากสื่อตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะข่าวสารที่ออกจากทำเนียบขาว ที่คุ้นชินกับแว่นสีแดงมองจีนแผ่นดินใหญ่เป็นภัยคุกคามความมั่นคง และมองไต้หวันว่าเป็นดินแดนประชาธิปไตยที่ต้องโอบอุ้มคุ้มครอง ก็จะได้ข่าวสารในมุมมองหนึ่ง
แต่หากรับฟังข่าวจากที่ออกมาจากรัฐบาลปักกิ่ง ที่ยืนยันมาตลอดว่าเกาะไต้หวันคือมณฑลหนึ่งของจีน เฉกเช่นเดียวกับ “ฮ่องกง”ที่เป็นเขตปกครองพิเศษของจีนที่มิอาจประกาศตัวเป็นเอกราช และมองว่าสหรัฐอเมริกาคือชาติที่กลัวการสูญเสียความเป็นมหาอำนาจ คือชาติที่ชอบอ้างประชาธิปไตยที่แฝงด้วยเจตนารุกรานนานาประเทศเพื่อตักตวงเอาผลประโยชน์กลับสู่ดินแดนของตนเอง
อีกทั้งสหรัฐอเมริกายังเคยตัวกับการยุแยงตะแคงรั่วชาติต่างๆให้เกิดความขัดแย้ง แทรกแซงให้เกิดสงครามเพื่อตนเองจะได้ค้า “อาวุธสงคราม” ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักทำเงินของอเมริกา
ข่าวสารจากจีนแผ่นดินใหญ่ก็จะไปอีกทางหนึ่ง เช่นเดียวกับข่าวที่ออกจากกรุงไทเปภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าที่นำโดยไช่ อิงเหวิน ซึ่งมีจุดยืนเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลปักกิ่ง ต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านการรวมชาติ ก็จะนำเสนอไปอีกมุมมองหนึ่ง
สิ่งที่ผมตอบท่านไปคือมุมมองในฐานะสื่อมวลชนที่เป็นกลาง และวิเคราะห์ด้วยเหตุและผล มองย้อนประวัติศาสตร์และคาดการณ์ถึงอนาคต ผมสรุปสั้นๆง่ายๆว่า ตราบใดที่ไต้หวันไม่ประกาศเอกราช จีนก็ไม่บุกไปทำสงคราม
เพราะถ้าจีนตั้งใจจะยกทัพบุกไต้หวันเพื่อควบรวมเป็นชาติเดียวกันโดยสมบูรณ์ จีนก็คงทำมานานแล้วโดยไม่รอมาถึง 72 ปีนับจากวันที่เจียง ไคเชก นำพรรคก๊กมินตั๋งหนีพรรคคอมมิวนิสต์จีนไปตั้งรัฐบาลใหม่ที่ไต้หวันในปี 1949
แม้ในรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนบัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน การดำเนินการอันยิ่งใหญ่เพื่อให้ปิตุภูมิเป็นเอกภาพ เป็นภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนชาวจีนทั้งหมด รวมถึงพี่น้องชาติชาวไต้หวันด้วย” แต่ผู้นำจีนที่ผ่านมาก็ไม่เคยคิดจะใช้ความรุนแรงในการควบรวมจีน
ในอดีตสหประชาชาติโดยการหนุนหลังของสหรัฐอเมริกาเคยรับรองรัฐบาลไต้หวัน แต่ 50 ปีมาแล้วที่สหประชาชาติเปลี่ยนมารับรองสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าคือ “จีนเดียว” ส่วนไต้หวันนั้นมีเพียง 17ประเทศเล็กๆที่ให้การรับรองว่าเป็นเอกราช
ข่าวลือเรื่องการตุนอาหารนั้น แท้จริงคือรัฐบาลจีนจะเริ่มใช้มาตรการเข้มงวดมากขึ้นในการควบคุมความปลอดภัยและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนจะถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ครั้งที่ 24 ที่จะเริ่มในช่วงวันที่ 4-20 กุมภาพันธ์ 2022 ที่กรุงปักกิ่ง
การที่จีนส่งฝูงบินรบกว่า 100 ลำขึ้นฟ้าไปโฉบเฉี่ยวใกล้น่านฟ้าไต้หวัน ผมเห็นว่าเป็นเพียง “แอร์โชว์”การแสดงแสนยานุภาพทางอากาศ เป็นการส่งสัญญาณทั้งต่อรัฐบาลไต้หวันที่จีนถือว่าเป็นเขตแดนของตน มิใช่การไปรุกรานชาติบ้านเมืองอื่น แต่ลึกๆก็เป็นการส่งสัญญาณต่อชาติมหาอำนาจผู้สนับสนุนไต้หวันว่าอย่ามายุ่ง
แนวทางของรัฐบาลปักกิ่งสะท้อนจากคำกล่าวของผู้นำจีนมาโดยตลอดว่าต้องการนำไต้หวันกลับมาร่วมแผ่นดินใหญ่อย่างสงบสันติ เพราะพรรคก๊กมินตั๋งที่นำการแยกตัวในอดีตก็ไม่เคยปฏิเสธแผ่นดินแม่ ซ้ำยังเคยประกาศในปี 1991 ว่า “สงครามกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ได้ยุติลงแล้ว”
อุปสรรคจริงๆของการรวมชาติจีนก็คือมหาอำนาจตะวันตกที่ไม่ต้องการปล่อยให้จีนเติบใหญ่จนรั้งไม่อยู่ เมื่อไต้หวันเกิด ไช่ อิงเหวิน มาจุดประกายการไม่ยอมขึ้นกับจีน สหรัฐอเมริกาจึงถือโอกาสอุดหนุนเต็มที่ทั้งด้านการทูตและการทหารที่ทำให้จีนเคืองตา
ต้องยอมรับความจริงที่ว่า คนจีนที่เกิดในไต้หวันยุคหลังส่วนหนึ่งอาจจะปฏิเสธแผ่นดินใหญ่และเรียกตนเองว่าเป็น “คนไต้หวัน”ไม่ใช่ “คนจีน” เช่นเดียวกับคนฮ่องกงส่วนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาชุมนุมต่อต้านจีนกฎระเบียบอันเข้มงวดของจีนแล้วเรียกตนเองว่า “คนฮ่องกง” ไม่ใช่ “คนจีน”
ในกรณีฮ่องกงรัฐบาลจีนก็ตอบผู้ประท้วงต่อต้านอย่างนุ่มนวลว่าหากไม่ต้องการเป็น “คนจีน” ก็ยินดีให้ออกไปเป็นคนของชาติอื่น
ในกรณีไต้หวันยังไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่น่าสนใจว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการเดินขบวนในไต้หวัน คนไต้หวันออกมารวมตัวกันเรียกร้องให้ทำการรวมชาติกับจีนโดยสันติ
ไม่ว่าจะเป็นจีนแผ่นดินใหญ่หรือไต้หวัน แต่ก็เป็นจีนเหมือนกัน เคยเป็นเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง แต่ต้องแตกแยกเพราะสงครามกลางเมือง เพราะผู้นำการเมืองที่อยากเป็นใหญ่ อยากเป็นผู้ปกครองประเทศมากกว่าเป็นผู้ตาม ถูกต่างชาติเสี้ยม
การรบกันสมัยนี้มันง่ายไม่ต้องเสียเวลายกทัพ บก-เรือ-อากาศ หรือเกณฑ์ทหารให้เหนื่อยแรง แค่กดปุ่มส่งขีปนาวุธไปถล่มไม่กี่ลูกก็รู้แพ้ชนะได้ แต่ผลที่ออกมาอาจจะได้ไม่คุ้มเสียกับภาพความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมไปถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ความเชื่อมั่นในด้านความมั่นคง และยิ่งหากมีการแทรกแซงจากที่ชาติภายนอกที่จ้องหาจังหวะอยู่แล้ว สงครามที่เริ่มต้นง่ายๆอาจจะบานปลายกลายเป็นเรื่องยากที่จบไม่ลง
ประเมินผลแล้วขู่กันไปขู่กันมาอย่างนี้ดีกว่า
โลกของจีน / ชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ
หมายเหตุ : ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ อปท.นิวส์ ปีที่ 14 ฉบับที่ 368 วันที่ 16-30 พฤศจิกายน พ.ศ.2564