
คำพูด ที่ไม่เหลือความน่าเชื่อถือ


สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ออกมาแก้ต่างหลังที่ประชุม ครม. เห็นชอบให้ออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 จำนวน 500,000 ล้านบาท
แต่ครั้งนี้ สุพัฒนพงษ์ ไม่ใช่ตำบลกระสุนตก เหมือนเมื่อครั้งเสนอความคิดให้คนเอาเงินฝากเงินเก็บมาช่วยใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ
เวลาต้องเยียวยา บอกว่าไม่ช่วย เพราะคนกลุ่มนี้มีเงินฝากเกิน 5 แสนบาท แต่พอจนปัญญา กลับจะให้คนกลุ่มนี้ออกมาช่วยรัฐบาล
ครั้งนั้นเลยโดนเละ
แต่รอบนี้คนที่เละคือ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ เพราะกลายเป็นคนพูดกลับไปกลับมา เหมือนว่าไร้สัจจะ ตระบัดคำพูด
เนื่องจากว่า เมื่อ 28 เมษายน 2564 หรือยังไม่ทันถึงเดือนด้วยซ้ำ อาคม ยืนยันว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังมีงบประมาณสำหรับบรรเทาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ และกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 400,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากส่วนที่ยังเหลือจากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และงบกลาง
“ยืนยันว่า ขณะนี้งบประมาณในการดูแลประชาชนมีเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องมีการออกพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม” นายอาคม ระบุหนักแน่น
แต่สุดท้าย คำพูดของคนระดับรัฐมนตรีคลังก็สิ้นราคา
แถมยังคงสะท้อนมาตรฐานการทำงานของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าทำอะไรไม่เคยรอบคอบ เพราะตอนเอาเข้า ครม.แบบลับมากและเร่งด่วนที่สุดนั้น ใช้เอกสาร 4 แผ่น ขอออก พ.ร.ก.เงินกู้เพิ่มเติม 700,000 ล้านบาท อ้างว่าจำเป็นมาก ไม่กู้ไม่ได้ ระบุเป็นตุเป็นตะว่าต้องใช้เท่านั้นเท่านี้
แต่พอเจอตำหนิ ลดวูบทันทีจาก 700,000 ล้านบาท เหลือ 500,000 ล้านบาท ตัดลดกันง่ายๆ หรือว่าตั้งวงเงินมักง่ายไว้เผื่อต่อกันตั้งแต่แรก
ยุคไร้การตรวจสอบ การรักษาคำพูด รักษาหลักการ ดูเหมือนเลือนหายไม่เหลือซากจริงๆ
หนามกุหลาบ