คะแนน ทำน้อยใจ
คะแนนลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ทำให้เห็นเนื้อแท้ของใครหลายคน
ว่ามีวุฒิภาวะ มีความคิด มีคุณธรรม มีจริยธรรมการเมืองกันมากขนาดไหน
และที่สำคัญ มีความเป็นประชาธิปไตย และยืนอยู่ข้างประชาชนจริงหรือไม่
แต่ที่ดูแล้วเป็นเรื่องตลกสำหรับคนที่อาสาทำงานเพื่อประเทศชาติ ก็คือ การยึดติดกับคะแนน ว่าได้เสียงสนับสนุนมากแค่ไหน โดยเฉพาะมากหรือน้อยกว่าคนอื่นหรือไม่
ภาพที่เกิดขึ้นจากการที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้คะแนนสูงที่สุดถึง 275 คะแนน ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาเป็นอันดับสองทั้งคู่ ด้วยคะแนน 274 คะแนน
แต่เพราะว่าเกิดไปมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ 272 คะแนน
ก็เลยเกิดเป็นประเด็นสะท้อนถึงความใจกว้าง และภาวะความเป็นผู้นำ
เพราะมีข่าวว่า หลังปิดประชุมสภา พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการกล่าวทีเล่นทีจริงหลังจากลงมาจากบัลลังก์ว่า “ถ้า ร.อ.ธรรมนัส ได้คะแนนมากขนาดนี้ มาเป็นนายกฯดีกว่าไหม” แถมยังเป็นการพูดย้ำอยู่หลายครั้ง
รวมทั้งเมื่อ ร.อ.ธรรมนัส ได้เดินเข้ามาพอดี พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังได้พูดกับร.อ.ธรรมนัส ด้วยว่า “ถ้าคะแนนเยอะขนาดนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีดีกว่า”
แต่เลือกที่จะบอกกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ ว่า คะแนนใครจะมากจะน้อยอย่าไปอะไรมาก เดินหน้าทำงานต่อไป
น่าคิดว่าทำไมจึงไม่กล้าพูดกับอนุทิน ซึ่งได้คะแนนสูงสุดในรอบนี้ หรือกลัวว่า อนุทินจะมาเป็นนายกฯจริงๆ
หรือทำไมจึงไม่พูดให้ พล.อ.ประวิตร ซึ่งก็ได้ 274 คะแนนเท่ากับ ร.อ.ธรรมนัส แบบเดียวกันบ้าง หรือกลัวว่าจะกลายเป็นประเด็นเสียของขึ้นมาได้จริงๆ
การเลือกพูดแต่กับเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส ทำให้คนสงสัยกันมาก ว่านอกจากใจไม่ใหญ่ คิดเล็กคิดน้อยแล้ว ยังคิดอะไรอยู่ลึกๆในใจด้วยหรือไม่ กับบทบาทประสานสิบทิศของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ได้รับมอบหมายให้ไปดูแล ส.ส.กลุ่มต่างๆ
ใช่น้อยใจว่า ไปดูแล ส.ส. แล้วไม่ดูแล พล.อ.ประยุทธ์ ให้ได้คะแนนสูงๆกับเขาบ้างหรือไม่ เพราะรอบที่แล้วคะแนนก็แพ้ พล.อ.ประวิตร เช่นกัน
ตลกก็คือ คนที่ออกมาแก้ต่างให้ทันทีในตอนแรก คือ อนุชา นาคาศัย ที่อ้างว่าได้สอบถามไปแล้ว พบว่ายังไม่มี ส.ส. ของพรรคพูดถึงเรื่องนี้
แต่อนุชาก็ต้องหน้าแตกเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ออกมาบอกเองว่า “พูดแหย่พูดเล่นกันไม่ได้หรือไง”
แหย่ได้ แต่ทำไม่แหย่อนุทิน ไม่แหย่ พล.อ.ประวิตรด้วยล่ะ
อัคคี กัมปนาท
