Digiqole ad

ก้าวแรกสำเร็จ!! สมรสเท่าเทียมทั้ง 4 ร่าง ผ่านฉลุยวาระ 1 การเดินทางอันแสนยาวนานของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมใกล้จะสิ้นสุดลง

 ก้าวแรกสำเร็จ!! สมรสเท่าเทียมทั้ง 4 ร่าง ผ่านฉลุยวาระ 1 การเดินทางอันแสนยาวนานของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมใกล้จะสิ้นสุดลง
Social sharing

Digiqole ad
21 ธันวาคม 2566 ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ เพราะเป็นวันที่ที่ประชุม สส.ลงมติรับหลักการร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ “ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม” ในวาระที่ 1 ซึ่งมีทั้งร่างของรัฐบาล พรรคก้าวไกล ภาคประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาร่วมกัน
.
โดยในส่วนของร่างฯ พรรคก้าวไกล “ครูธัญ” ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ – Tunyawaj Kamolwongwat สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่างกฎหมาย ได้กล่าวถึงหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม โดยระบุว่า ตนเกิดมาเป็นกะเทย เป็นกะเทยทุกวันตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้ และยังคงติดตัวเสมอในทุกวัน แต่สิ่งที่ติดตัวกะเทยทุกคนมาเสมอเช่นกันก็คือ “ความเป็นไปไม่ได้” ทั้งที่กะเทยก็มีสิทธิมนุษยชน มีตัวตนในสังคม มีสิทธิ ศักดิ์ศรี และการใช้ชีวิตอย่างที่อยากจะเป็น รวมถึงการก่อตั้งครอบครัว
.
ระหว่างการทำงานของสภาชุดที่แล้ว ครูธัญได้เดินทางไปเชียงใหม่ ได้พบกับผู้หญิงท่านหนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม บอกว่าขอบคุณมากที่พูดเรื่องสมรสเท่าเทียม เพราะมีเพื่อนที่รักมากของเขาคนหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียนไม่สามารถมาฟังเรื่องสมรสเท่าเทียมในวันนี้ด้วยได้ เพราะเขาฆ่าตัวตายไปแล้ว เนื่องจากพ่อแม่ไม่ยอมรับในความสัมพันธ์ที่เขารักกับผู้ชายอีกคน
.
ย้อนไปในปี 2552 มีการจัดงานเกย์พาเหรดที่ จ.เชียงใหม่ แต่ก็เกิดการต่อต้านขึ้น หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์ “เสาร์ซาวเอ็ด” มีการปาถุงเลือดใส่ ปาสีใส่ และการตะโกนด่าทอ อ้างว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสีย ทำลายวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดี
.
ครูธัญย้ำว่า นี่คือความเจ็บปวดของคนที่เป็นกะเทย ซึ่งเกิดขึ้นทุกที่ในประเทศไทยในช่วงเวลาหนึ่ง สะท้อนถึงความเกลียดชังที่ฝังลึกในสังคมไทยเสมอมา แต่วันนี้ “ความเป็นไปได้” กำลังจะเกิดขึ้น และตนเชื่อว่าวันนี้ ทุกคนมีความเห็นพ้องต้องกันว่าประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลง
.
“วันนี้เราอาจมีการเฉลิมฉลองที่ตระการตา เราอาจมีฝนกระดาษและธงสีรุ้งโบกไสว แต่ไม่ว่าการเฉลิมฉลองจะสวยงามยิ่งใหญ่เพียงใด ธัญอยากให้การเฉลิมฉลองนี้เป็นการเฉลิมฉลองไปถึงการตื่นรู้ของเราทุกคน หลังจากที่เราปล่อยให้เกิดความสูญเสียของเวลา การสูญเสียของคนที่พลัดพราก มาเฉลิมฉลองให้ความโง่เขลาของพวกเราในอดีต เฉลิมฉลองแทนคนที่เคยต้องฆ่าตัวตายเพียงเพราะเขาเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศ ขอให้เป็นการฉลองพร้อมย้ำเตือนเสมอ ว่าจากอดีตจนถึงวันนี้เราสูญเสียไปมากเพียงใด”
.
ครูธัญยังกล่าวต่อไปว่า จากสภาชุดที่แล้ว มีคนถามตนเสมอว่าเป็นฝ่ายค้านจะยื่นกฎหมายทำไม แต่ตนคิดว่าสิ่งที่เราเห็นพ้องต้องกันคือการเปลี่ยนแปลง วันนี้ความเป็นไปได้กำลังเกิดขึ้น ขอให้เรามองทุกคนด้วยไมตรีจิตและหัวอกหัวใจ วันนี้จะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปสู่นานาชาติ เป็นวันที่ประชาชนจะจดจำ ว่าเราทุกคนในที่นี้มีความเห็นพ้องต้องกันว่าเราจะเดินหน้าสู่ความเท่าเทียมของคนทุกเพศ นี่คือชัยชนะของประชาชนทุกคน
.
🏳️‍🌈 ในส่วนของการอภิปราย มี สส.พรรคก้าวไกลหลายคนขึ้นอภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ เช่น ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายให้เห็นถึงปัญหาการกดทับความหลากหลายทางเพศที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา ซึ่งปัจจุบันเรายังคงมีครูและนักเรียนที่เป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศอีกมากมายที่ถูกกดทับสิทธิไว้ การผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมวันนี้เป็นแค่บันไดขั้นแรก สังคมไทยยังคงต้องทำความเข้าใจต่อสังคม และผลักดันกฎหมายอีกหลายฉบับตามมา
.
ด้าน พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้มีหลักการที่เรียบง่าย เพียงแค่กำลังจะบอกกับคู่รักทุกคู่ในประเทศนี้ว่าพวกเขาสามารถสมรสกันได้ ไม่ว่าจะเกิดมาเป็นเพศใดและมีความรู้สึกกับเพศใด จะปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้ความเสมอภาคเป็นความปกติใหม่ของสังคมไทย
.
จากคำอภิปรายของสมาชิกในวันนี้ ภาพที่เราจะได้เห็นน่าจะเป็นภาพประวัติศาสตร์ของสภา ที่จะมีการลงมติรับหลักการอย่างท่วมท้น เป็นตัวอย่างที่ดีของการร่วมมือกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่เราจะได้เห็น สส.จากหลายพรรค หลายเพศ มายืนยันร่วมกันว่าสิทธิสมรสไม่ได้เป็นอภิสิทธิ์ของผู้มีความหลายทางเพศ แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนพึงได้รับอย่างเสมอภาค
.
พริษฐ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับเพื่อนสมาชิกที่อาจยังเห็นต่างด้วยเหตุผลทางศาสนา ตนยืนยันว่าตนรับฟังและเคารพในความคิด แต่ตนและพรรคก้าวไกลก็ต้องยืนยันเช่นกันว่าสิทธิการสมรสเท่าเทียมกับเสรีภาพในการนับถือศาสนา เป็นสองสิ่งที่อยู่คู่กันได้ในสังคมไทย
.
เพราะการเปิดให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิอย่างเท่าเทียมกันในการเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นการบังคับให้ใครต้องมาแต่งงานกันหากขัดกับความเชื่อของเขา และด้วยเหตุผลเดียวกัน การเปิดให้แต่ละคนมีเสรีภาพในการนับถือความเชื่อที่แตกต่างกัน ก็ไม่ควรจะเป็นเงื่อนไขที่จะมาจำกัดสิทธิของคนที่เชื่อไม่เหมือนกันในการใช้ชีวิตตามที่ปรารถนา
.
“ผมอยากชวนมองถึงความสำคัญของร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้กว้างกว่าแค่เรื่องของการสมรส ผมอยากให้มองว่าการผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ จะเป็นการส่งสัญญาณดัง ๆ ไปสู่ประชาชนทุกคน ว่าหากวันหนึ่งท่านตกอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ ก็ตามที่ท่านกำลังเป็นคนส่วนน้อยในสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุเรื่องเพศ เชื้อชาติ สถานะทางเศรษฐกิจสังคม หรือด้วยเหตุทางศาสนา สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้พร้อมจะปกป้องสิทธิของพวกท่านทุกคน” พริษฐ์กล่าว
.
🏳️‍🌈 ท้ายที่สุด จาก สส.ผู้เข้าร่วมการประชุม 380 คน มีผู้ลงมติเห็นควรรับหลักการร่างสมรสเท่าเทียม 369 คน ไม่เห็นควรรับหลักการ 10 คน งดออกเสียง 0 คน และไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน ส่งผลให้ร่างฯ ทั้ง 4 ฉบับผ่านฉลุยในวาระที่ 1 และจะเข้าสู่วาระที่ 2 เพื่อปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดในชั้นกรรมาธิการต่อไป
.
🟠 ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมติดตามและตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมาธิการ เพื่อส่งร่างสมรสเท่าเทียมไปให้ถึงฝั่งฝัน
ที่มา : เพจพรรคก้าวไกล
Facebook Comments


Social sharing

Related post