
การเมืองปี 64

ทิศทางการเมืองของไทยในปี 2564
แม้ว่าไม่อยากจะสร้างความผิดหวังให้กับขั้วที่เรียกร้องต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่คงต้องพูดความจริงว่า โอกาสที่อะไรๆจะดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นนั้น มีโอกาสความเป็นได้น้อยมาก
เพราะแม้ช่วงต้นปี โควิด-19 ระลอกที่สองที่เกิดขึ้น จะช่วยซื้อเวลาให้กับรัฐบาลประยุทธ์ ได้ในระยะเวลาหนึ่ง
แต่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล จะหลบอยู่ใต้ร่มเงา อาศัยใบบุญของโควิดตลอดไปไม่ได้
ขืนซุกอยู่ใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเท่ากับว่าปล่อยให้สถาการณ์ด้านเศรษฐกิจย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ไม่มีทางเลือกหากต้องการที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจให้กลับคืนมา ก็ต้องหาทางรับมือให้การแพร่ระบาดของโควิด-19หยุดลงในเร็ววัน
ซึ่งเมื่อไม่มีข้ออ้างในเรื่องของการแพร่ระบาดแล้ว กลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย ก็จะกลับมา โดยไม่สนใจว่าจะมีการแจ้งความแจ้งสารพัดข้อกล่าวหาใดๆ รวมทั้งไม่ว่าจะมีการยืดยาว พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีกนานแค่ไหน
นั่นย่อมหมายความว่า ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองว่า ไม่ลาออก ผมผิดอะไร ก็เท่ากับว่าการเผชิญหน้าทางการเมืองในปี 2564 เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน
กลไกที่น่าจะเป็นตัวช่วยทางการเมืองได้บ้าง อย่างการทำหน้าที่ของรัฐสภา ก็ยังคงเป็นกลไกที่ด้อยประสิทธิภาพ เนื่องจากยังมีสภาพเป็นดั่งฉายาที่ได้รับ “ปลวกจมปลัก” นั่นเอง
ภาพการทำงานเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ภาพการไม่คิดที่จะช่วยให้การเมืองของไทยพ้นจากปลักที่ติดหล่ม ทำให้ทุกอย่างยังคงจมปลักอยู่ต่อไป
โดยที่สังคมไม่ต้องไปคาดหวังใดๆ กับ “สภาปรสิต” อย่างวุฒิสภา ที่คงไม่ใช่มีแค่ “หัวตอ รอออเดอร์” เท่านั้น แต่เป็นทั้งหมดที่ทำเหมือนรอคำสั่งว่าจะแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ และจะให้ถอดอำนาจเฉพาะกาลของ ส.ว.หรือไม่
วันนี้ภายใต้ข้ออ้างว่ากังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด จึงให้มีการงดประชุมสภา ในขณะที่จะให้มีการปิดสมัยประชุมสภาในเดือนมีนาคมนี้ เท่ากับว่า การยื้อเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการ
เมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกดึงเกมให้ยืดเยื้อ เมื่อการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เป็นแค่พิธีกรรมผสมโรงในการซื้อเวลา เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่เห็นความกระตือรือล้นใดๆที่จะให้เกิดขึ้นได้จริง
อุณหภูมิการเมืองในปี 2564 ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะเย็นลงได้ หรือก้าวเข้าสู่สถานการณ์ปรองดองได้เลย
ภูวนารถ ณ สงขลา