กว่าจะมีวันนี้ “ชาไทย-นภนต์ แฝพิมาย” ถนนบันเทิงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย

Social sharing

ในยุคปี 90 ชื่อของ “อุ๊บ-วิริยะ พงษ์อาจหาญ” ในฐานะนักเจ้าของฉายา “นักปั้นมือทองฝังเพชร” โด่งดัง เป็นพลุแตกกับการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในฐานะนักปั้นศิลปินดาราประดับฟากฟ้ามาแล้วมากมาย ถึงวันนี้เขาน่าจะได้ฉายาเพิ่มใหม่ว่า “นักปั้นมือทองฝังเพชรแมวเก้าชีวิต” เพราะในขณะที่นักปั้นคนอื่นล้มหายตายจากกันไปแล้ว แต่สำหรับ “อุ๊บ วิริยะ” ยังคงมอบโอกาสพิเศษให้กับเด็กคนอื่น ๆ มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตัวเองก็ยังกลายมาเป็นคนเบื้องหน้าอยู่ถึงทุกวันนี้

“ชาไทย-นภนต์ แฝพิมาย” หนุ่มเลือดอีสาน คือหนึ่งในเพชรที่คุณอุ๊บ วิริยะ นำมาเจียรไนจนส่องประกายความงาม ซึ่งคุณอุ๊บไม่เพียงแต่ปั้นเป็นนายแบบและนักแสดงเท่านั้น ยังต่อยอดให้เด็กหนุ่มได้เป็น “ครูชาไทย” (ชื่อเล่น “ชาไทย” คุณอุ๊บตั้งให้) สอนเดินแบบและบุคลิกภาพอีกด้วย

ชาไทย-นายนภนต์ แฝพิมาย เปิดใจว่า ตนเองเป็นคนที่ไม่เคยทิ้งโอกาสและเวลาที่ดี ๆ โดยเฉพาะเวทีประกวดทำให้เราได้ชาเล้นท์ตัวอย่าง ชนะเราก็ภูมิใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก ส่วนถ้าแพ้ก็ไม่เสียใจ เราต้องยอมรับความจริงและบริบทของการประกวดหรือการแข่งขันว่า มีชนะย่อมต้องมีแพ้เป็นเรื่องธรรมดา จะถือเป็นบทเรียนของเราให้ได้พัฒนาและปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น วันนี้อาจไม่ใช่เป็นวันของเรา วันข้างก็ต้องเป็นวันของเราเข้าสักวันหนึ่ง

สำหรับจุดหันเหชีวิตผมที่ได้เข้ามาในวงการบันเทิงคือ ผมไปเนแบบให้กับเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง แล้วพี่ดีไซเนอร์ถามผมว่า สนใจเข้าวงการมั้ย เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักกับพี่คนหนึ่งเขาเป็นนักปนั้นศิลินดารามีชื่อเสียงมาแล้วหลายคน พี่คนนั้นก็คือ “พี่อุ๊บ วิริยะ” และพี่เขาของรูปและโพรไฟล์ผมส่งไปให้พี่อุ๊บดู ปรากฏว่าพี่อุ๊บสนใจ

“สุดท้ายเพื่อเป็นการการันตีในความตั้งใจจริง พี่อุ๊บได้เดินทางไปหาพ่อแม่ผมที่บ้านอำเภอเขมราฐจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อพูดคุยกันให้เกิดความเข้าใจและสบายใจกันทั้งสองฝ่าย จากนั้นพี่อุ๊บก็เพิ่มพูนประสบการณ์งานในวงการบันเทิงให้ผม ประเดิมงานประกวด 3 เวที และได้ตำแหน่งชนะเลิศหมดเลยครับ ต่อมาพี่อุ๊บสอนน้อง ๆ เดินแบบและพัฒนาบุคลิกภาพ จึงปั้นให้ผมเป็นผู้ช่วยสอน ต่อมาได้เป็นครูสอนร่วมในที่สุด โดยผมคิดว่า การมีต้นทุนรักในอาชีพนายแบบ ทำให้ผมดิ้นรนขวนขวายหาความรู้และพัฒนา ทำให้ผมมีความมั่นใจในการเป็นครูหรือโค้ชที่ถ่ายทอดความรู้ให้กับลูกศิษย์หรือน้อง ๆ ครับ”

ชาไทย กล่าวด้วยว่า ในระหว่างนั้นพี่อุ๊บส่งโพรไฟล์ผมไปแคสงานโฆษณาและงานด้านการแสดงด้วย แน่นอนว่า เป็นเรื่องยากที่จะไปแข่งขันกับคนอื่น ๆ ที่เขาหน้าตาดี มีความสามารถมากมาย บางงานคนสมัครเป็นร้อยเป็นพัน แต่เขาเอาเพียงแค่คนเดียวหรือ 2-3 คน การที่เราไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวัง จะคิดแง่บวก งานไหนที่ไม่ได้แสดงว่าเราไม่ตรงกับเขาต้องการ เราจะอดทนมีความานะพยายามสู้ต่อไป ไม่เคยเสียใจน้อยใจ แต่หากเราได้ถือว่าเป็นกำลังใจเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชีวิต ระยะหลังมาดูเหมือนว่าเผมจะได้งานเยอะหน่อย โดยเฉพาะงานด้านโฆษณา จนพี่อุ๊บแซบว่าเราเป็น “เจ้าพ่อโฆษณา” ในยุคนี้ไปแล้ว ผมกล้าพูดได้เลยว่า พอเราผ่านงานแคสโฆษณาบ่อย ๆ จะทำให้เรารู้จุดอ่อนและจุดแข็งของเรา รู้คาแรกเตอร์ จึงตอบโจทย์งานชิ้นนั้นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

“ส่วนงานด้านแสดงส่วนใหญ่เลยมาจากคอนเนคชั่นและบารมีของพี่อุ๊บ โดยเฉพาะงานไหนที่เขาเชิญพี่อุ๊บร่วมเป็นนักแสดง พี่อุ๊บมักจะหาช่องทางผลักดันผมเข้าไปร่วมงานเสมอ นี่คือความน่ารักของพี่เขาในการเป็นนักแสดงที่ดีเราต้องทำการบ้าน แม่นบท ทำความเข้าใจกับบท หัวใจการแสดงคือการไม่แสดง นอกจากนี้คือการมีวินัย ตรงต่อเวลา สิ่งสำคัญเวลาที่ผมเข้าไปทำงานร่วมกับทีมงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง เรื่อวกริยามารยาท ความอ่อนน้อมถ่อมตนนับเป็นเรื่องสำคัญมาก เช่น ไปมาลาไหว้ รู้จักระบบอาวุโสใครมาก่อนมาหลัง ผิดพลาดอะไรพร้อมยกมือไหว้ขอขอโทษขออภัยเสมอ นอกจากนี้การพัฒนาตัวเองทั้งทางกายและใจอย่างก้าวหน้า ไม่หยุดนิ่งก็ต้องทำอยู่ตลอดเวลาหากเราคิดจะทำงานอยู่ในการนี้”

ชาไทย ยังกล่าวด้วยว่า ความกตัญญูกตเวทีนับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งในทุกวงการ โดยเฉพาะวงการบันเทิง ผู้ยืนหยัดได้ถึงทุกวันนี้ เพราะคนชื่อ “พี่อุ๊บ วิริยะ” ต้องยอมรับว่า เกือบ 7 ปีที่ทำงานด้วยกัน ผมต้องปรับตัวทั้งให้เข้ากับพี่อุ๊บและงานด้านต่าง ๆ ของวงการ แรก ๆ มีช่องว่างระหว่างวัยและความคิดที่ไม่ตรงกับพี่อุ๊บ แต่สุดท้ายเราก็ทำงานไปด้วยกันได้ กลายเป็นการเติมเต็มให้กันและกันไป ดูแลกันไปเหมือนญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว คอยห่วงหาอาทรกัน เรียกว่า คำว่า “กตัญญู” คือรู้คุณ และ “กตเวที” ตอบแทนคุณไม่เคยลบเลือนไปจากหัวใจผมกับพี่อุ๊บไปเลยแม้แต่น้อย ส่วนใครจะนินทาว่าร้ายอย่างไรผมไม่สนใจ เพราะเรารู้ว่า เรากำลังทำอะไรอยู่

“ส่วนในอนาคตผมฝันอย่างทำงานเบื้องหลังวงการบันเทิงครับ โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นงานอะไร เหมือนกับผมเป็นนักแสดง บทอะไรมาเล่นได้หมดครับ ทำในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่ทำ เมื่อได้โอกาสมาแล้ว ผมจะขอส่งต่อให้กับน้อง ๆ ทุกคนที่ต้องการโอกาสเหมือนผม ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน และอย่าลืมติดตามผลงานของผมด้วยนะครับ”