Digiqole ad

“กรมเจ้าท่า” อัปเดตเมกะ โปรเจกต์ พัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) และศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งทางทะเล (Maritime Hub)

 “กรมเจ้าท่า” อัปเดตเมกะ โปรเจกต์ พัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) และศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งทางทะเล (Maritime Hub)
Social sharing
Digiqole ad

นายกริชเพชร ชัยช่วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ว่า หลังจากได้มีการดำเนินการศึกษา รูปแบบโครงการลงทุน โครงการพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) จำนวน 3 โครงการ ขณะนี้ความคืบหน้าผลการศึกษาในภาพรวม อยู่ประมาณ 60 % และคาดว่าการศึกษาจะแล้วเสร็จในปี 2567

ประกอบด้วย 1.โครงการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี วงเงิน 18 ล้านบาท 2.โครงการศึกษาวางแผนแม่บท เพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) และสำรวจออกแบบท่าเรือสำราญขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่งอันดามัน วงเงินรวม 69.21 ล้านบาท และ 3.โครงการศึกษาสำรวจออกแบบ ท่าเรือต้นทาง (Home Port)สำหรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน วงเงินรวม 68.94 ล้านบาท หลังได้ข้อสรุปที่เหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ท่าเรือเป็นลักษณะผสมผสาน (Hybrid) คือเป็นท่าเรือต้นทาง (Home port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 1,500 คน และเป็นท่าเรือแวะพัก (Port of call) สำหรับรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500 – 4,000 คน

ทั้งนี้มั่นใจว่า การพัฒนาท่าเรือรองรับเรือครูส จะช่วยสนับสนุนธุรกิจเรือครูสในประเทศไทยได้อย่างครอบคลุมเส้นทางทั้งสองฝั่งทะเล เป็นการสร้างความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสัดส่วนรายได้ด้านการท่องเที่ยว เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศ กระตุ้นรายได้การท่องเที่ยวเรือสำราญ เพิ่มการจดทะเบียนเรือท่องเที่ยว โดยเรือครูส 1 ลำ นำเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจ ประมาณ 21 ล้านบาท/วัน/ลำ หากเรือครูสแวะเข้าเทียบท่าจำนวนมากขึ้น และจอดท่องเที่ยวในเมืองไทยนานขึ้น จะสร้างเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวมากขึ้นไปด้วย อีกทั้งในกรณีที่ท่าเทียบเรือได้รับการพัฒนาให้เป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) มูลค่าทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นจากที่ได้กล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 – 8 เท่า

ส่วนการศึกษาพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งทางทะเล (Maritime Hub) ซึ่งเริ่มการศึกษาข้อมูลโครงการในปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567 เช่นเดียวกัน เป็นการศึกษาความเหมาะสม และจัดทำข้อมูลโครงการท่าเรือมารีน่าชุมชน 1 จังหวัด 1 ท่า หรือทั้งหมด 6 ท่า ใน 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยจะทำการศึกษาระหว่างปี 2566 ถึง 2567 รูปแบบการลงทุนในอนาคต เชื่อว่าเมื่อภาครัฐมีการชี้จุดพื้นที่เป้าหมาย ชัดเจน มีการอำนวยความสะดวก ในแง่ของข้อกฎหมายที่เอื้อต่อการลงทุน เอกชนที่มีศักยภาพ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมก็สามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้

 

Facebook Comments

Related post