Digiqole ad

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ร่วมสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ฝ่าวิกฤตโควิด-19

Social sharing
Digiqole ad

 

ด้วยความตระหนักดีว่าการต่อสู้กับโควิด-19 เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมใจกัน จึงเป็นที่มาให้ กรุงศรี
คอนซูมเมอร์
นำโดย ณญาณี เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ร่วมสนับสนุนการทำงานของบุคลากร
ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วย โดยมอบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ชนิด KN-95
จำนวน 20,000 ชิ้น รวมมูลค่า 1 ล้านบาท ให้แก่ 5 โรงพยาบาล พร้อมทั้งจัดกิจกรรม “พลังน้ำใจคนไทย เปลี่ยนพอยต์
เป็นพลัง”
ชวนสมาชิกบัตรเครดิต กรุงศรี และบัตรกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ ร่วมบริจาคคะแนนเพื่อแลกเป็นเงินบริจาคสมทบทุนให้แก่โรงพยาบาล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมต่อสู้กับวิกฤตในครั้งนี้

ณญาณี เผือกขำ กล่าวว่า “กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยตลอดมา ในปีที่ผ่านมา กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้สานต่อโครงการ “แต้มต่อชีวิต #SAVEHERO” รวมพลังคนไทย มอบชุดป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) ชนิดใช้ซ้ำได้ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งยังร่วมบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลต่างๆ
สำหรับในปีนี้ จากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงขึ้น กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงรวมพลังจากทุกฝ่าย ร่วมใจกันสนับสนุน
การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยมอบหน้ากากอนามัย KN-95 จำนวน 20,000 ชิ้น มูลค่า 1 ล้านบาท
ให้แก่ 5 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรม “พลังน้ำใจคนไทย
เปลี่ยนพอยต์เป็นพลัง”
เชิญชวนสมาชิกบัตรเครดิต กรุงศรี และบัตรเครดิตกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ ร่วมแลกคะแนนเพื่อเป็นเงินบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาบาลและมูลนิธิที่เกี่ยวข้องเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 อีกด้วย”

ทั้งนี้ กิจกรรม “พลังน้ำใจคนไทย เปลี่ยนพอยต์เป็นพลัง” เชิญชวนให้สมาชิกบัตรเครดิตกรุงศรี และบัตรเครดิต
กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ แลกคะแนนบริจาคผ่านแอปพลิเคชัน UChoose โดยทุก 1,000 คะแนน เท่ากับบริจาค 100 บาท เพื่อบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาบาลและมูลนิธิที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือกับโควิด-19  อาทิ ศิริราชมูลนิธิ, มูลนิธิรามาธิบดี, มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี, มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก และสภากาชาดไทย สำหรับสมาชิก
บัตรเครดิต กรุงศรี เริ่มบริจาคตั้งแต่ 26 เมษายน ถึง 30 กันยายน 2564 และสมาชิกบัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์  เริ่มบริจาคตั้งแต่ 18 พฤษภาคม ถึง 30 กันยายน 2564

หนึ่งในด่านหน้าซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับโควิด-19 อย่าง นายแพทย์อุดม เชาวรินทร์ กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า “แม้ทีมบุคลากรจะต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อดูแลประชาชนให้ปลอดภัยจากโรคร้าย แต่ก็น่ายินดี ที่ยังมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชน คอยให้การสนับสนุนกำลังใจและกำลังทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 รอบนี้ มีผู้ร่วมบริจาคให้แก่โรงพยาบาลและมูลนิธิฯ จากหลายช่องทางหลายหมื่นราย โดยส่วนใหญ่โอนผ่านแอปพลิเคชันและบัตรเครดิต มีบางส่วนนำมาให้ที่มูลนิธิฯ ด้วยตนเอง ต้องขอขอบคุณสำหรับน้ำใจที่ส่งมาให้แก่บุคลากรฯด้วยครับ และผมอยากขอให้ประชาชนทุกท่านปฏิบัติตามข้อกำหนดทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่คนหนาแน่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาทั้งในที่ทำงานหรือสถานที่ต่างๆ หมั่นล้างมือบ่อยๆ พกแอลกอฮอล์ไว้เช็ดมือตลอดเวลา เพื่อเป็นการช่วยกันป้องกันตัวเองและสังคมให้ทุกอย่างดีขึ้นในเร็ววันครับ”

เช่นเดียวกับ ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “เมื่อโควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง เราก็ได้เห็นน้ำใจจากคนไทยที่หลั่งไหลมาสู่ทีมบุคลากรฯแบบไม่หยุดยั้งอีกครั้งเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นที่โรงพยาบาลรามาธิบดีหรือที่โรงพยาบาลอื่นๆ ก็ดี ทั้งที่มาแบบส่วนตัว องค์กร บริษัท และภาคธุรกิจ ซึ่งต่างให้การสนับสนุนในรูปแบบสิ่งของ อาทิ หน้ากากอนามัย, ชุด PPE, อาหาร, น้ำดื่ม หรือแม้แต่การบริจาคเงิน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีอาวุธ  รวมทั้งกำลังกายกำลังใจในการต่อสู้กับโควิด-19 ไปพร้อมๆ กับคนไทยทั้งประเทศ ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง และถ้าถามว่าทีมแพทย์ยังต้องการสิ่งใดอีกบ้าง ก็คงเป็นอุปกรณ์สำหรับคนไข้ในภาวะวิกฤตต่างๆ ที่โรงพยาบาลหลายแห่งยังขาดแคลนอยู่ สำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ ผมขอฝากถึงประชาชนในเรื่องการดูแลตัวเอง ให้สวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลุ่ม และพร้อมใจกันไปรับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อไหนก็ได้ที่มีครับ ยิ่งมีโรคประจำตัวยิ่งต้องฉีด อายุมากฉีดได้ ฉีดกันให้มาก ๆ เพื่อให้เรามีภูมิคุ้มกันหมู่ แล้วเราจะรอดปลอดภัยไปด้วยกันครับ”

แม้การต่อสู้กับโรคร้ายในครั้งนี้ อาจยังไม่จบง่ายๆ แต่ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ก็พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม และร่วมสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้วิกฤตในครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ในเร็ววัน

Facebook Comments

Related post